พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลงข่าว 191 ร่วมกับสืบนครบาล จับคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ 3 คดี
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00 น. : พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจฯ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลา รุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลง 191 จับคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ 3 คดี ณ อาคารห้องประชุมกองกำกับกาสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ชั้น 1 (อาคาร 4 ชั้น) ถนนวิภาวดีกรุงเทพฯ ดังนี้
คดีที่ 1 “191 สนธิกำลังสืบนครบาลสกัดจับโจ๋ซ๋าซิ่งรถรับไอซ์บิ๊กล๊อต” สามารถจับกุมนาย ชัยณรงค์หรือกุ๊ก อินทะ พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 64 กิโลกรัม, รถยนต์ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าชุมชนแออัด ซอยเสนานิเวศน์ 120/3 ถนนเสนานิคม 1 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
คดีที่ 2 “191 ทลายขบวนการจำหน่ายอาวุธปืนผ่านทางโซเชียลมีเดีย” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้ทำการสืบสวน จนทราบว่ามีผู้ใช้แอปพลิเคชั่น LINE ชื่อสุรัตน์ มีพฤติกรรมจำหน่ายอาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ผ่าน Social Media เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อสั่งซื้ออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาดจุด 38 จากนายสุรัตน์ จากนั้นได้ทำการวางแผนจับกุมนายสุรัตน์โดยได้ทำการสั่งซื้อมาเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2556 2 ได้ทำการนัดส่งอาวุธปืนกันที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต แขวงบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 20.15 น. ของวันเดียวกัน โดยนายสุรัตน์ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์สีขาวภายในสถานีขนส่งหมอชิต และได้หยิบถุงอาวุธปืนจากใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำพราง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสบรรจุภายในถุงหิ้วพลาสติก จากการสอบถาม นายสุรัตน์รับว่า ตนซื้ออาวุธปืนมาในราคากระบอกละ 3,500 บาท และนำมาขายให้กับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่อยู่ในกลุ่มไลน์ ในราคากระบอกละ 5,500 บาท โดยทำการขายอาวุธปืนไทยประดิษฐ์มากกว่า 2 ปี ประมาณ 100 กระบอก และยังรับอีกว่าที่บ้านพักของตน มีถังสำหรับทดลองยิงปืนอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบของกลางดังกล่าว รวมของกลางที่พบได้แก่อาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 9 กระบอกและถังสแตนเลสสำหรับทดลองยิงปืน 1 ถัง จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. จะสอบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิด มาดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 3 “191 ปิดล้อมตรวจค้นแมนชั่นย่านปทุม พบอาวุธปืนและและยาเสพติด” ก่อนทำการจับกุมคดีนี้เจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 3 ได้รับแจ้งจากสายลับผ่านทางเพจ นักสืบนครบาล ว่ามีชายไทยชื่อเล่นว่ามืด มีลักษณะรูปร่าง ผอม ผิวดำแดง มีพฤติกรรม ชอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายให้กับลูกค้าบริเวณคลองหลวง และจะพกพาอาวุธปืนติดตัวมาด้วยเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 3 จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และประชุมวางแผนพร้อมเข้าไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบชายไทยรูปร่างลักษณะตรงตามที่สายรับแจ้ง ยืนอยู่บริเวณหน้า ms แมนชั่น ซอยอนามัย ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้นพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 4 ถุงเล็ก รวมน้ำหนัก 2.9 กรัม และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2 ถุง รวมทั้งสิ้น 42 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าคาดเอวสีกรมท่า ที่นายมืดสะพายอยู่ขณะทำการตรวจค้น และพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ซุกซ่อนอยู่บริเวณเอวด้านขวาของตัวนายมืดด้วย สอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติด อาวุธปืนและเครื่องกระสุนเป็นของตนทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์และยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสืบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินการต่อไป
รวมของกลางทั้งสิ้น
1.ไอซ์ประมาณ 64 กก.
2.ยาบ้าประมาณ 42 เม็ด
3.อาวุธปืน จำนวน 10 กระบอก
4.กระสุนปืน จำนวน 9 นัด
5.ถังสแตนเลสสำหรับทดลองยิงปืน 1 ใบ
6.รถยนต์ จำนวน 1 คัน
7. รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน
ธวัชชัย เฟื่องอนันต์ รายงาน