พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลงข่าวจับกุมยาบ้า 800,000 เม็ด และ กก.สส.บก.น.1 ร่วมกับ สน.ราษฎร์บูรณะ
จับกุมแก๊งกะเทยแฮกไลน์ และเฟสบุ๊ค หลอกผู้เสียหายนำเงินเข้าบัญชี แล้วโอนเงินเข้าบัญชีอื่น มูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท
วันอังคารที่ 3 ธ.ค.62 เวลา 13.30 น. : พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. , พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรมัย ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1, พ.ต.อ.พรชัย เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นริศ ปราถนาพร ผกก.สส.บก.น.1, พ.ต.ท.คุณประโยชน์ อารีย์รัตนะนคร รอง ผกก.สส.สน.ราษฏร์บูรณะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าว บก.สส.บช.น. ร่วมกับ บก.สปพ. จับกุมยาบ้า 800,000 เม็ด และ กก.สส.บก.น.1 ร่วมกับ สน.ราษฎร์บูรณะ จับกุมแก๊งสาวประเภทสองแฮกไลน์ และเฟสบุ๊ค หลอกผู้เสียหายนำเงินเข้าบัญชี แล้วโอนเงินเข้าบัญชีอื่น มูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 อาคาร บช.น.
คดีที่1.) พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ร่วมกันสืบสวนจับกุมให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม จนกระทั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย คือ
1. นายอรรพล เป๋าอยู่ อายุ 22 ปี
2. นายจักรกฤษณ์ สุขสายัน อายุ 18 ปี
3. คมสันต์ พงษ์เสือ อายุ 23 ปี
4. นายอภิชัย แน่นอุดร อายุ 26 ปี
พร้อมด้วยของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 800,000 เม็ด
2. รถยนต์ มิตซูบิชิปาเจโร สีเทา หมายเลขทะเบียน ฎณ-2072 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ
3. รถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน ชศ-4518 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ
โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 เวลาประมาณ 05.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณริมถนนหมู่บ้านหาดสะแก หมู่ที่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฏหมาย ”
คดีที่2.) พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1, พ.ต.ท.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผกก.สส.บก.น. 1, พ.ต.ท.คุณประโยชน์ อารีย์รัตนะนคร รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ , พ.ต.ต.กฤษฎา นาคประสิทธิ์ , และ พ.ต.ต.เกรียงไกร ใจสุทธิ์ สว.สส.บก.น.1
ได้ร่วมกันทำการจับกุม
1. นายศุภฤกษ์ กรุดบาง อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี (ผู้จัดหาบัญชี , ถอนเงิน)
2. นายวินัย ฟักเฟื่อง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี (ถอนเงิน/โอนเงิน , เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน)
3. นายอนุกูล หรั่งแร่ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาของ สภ.รัตนาธิเบศร์ , สน.ประเวศ แจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน)
4. นายวุฒิชัย ศรีสุวอ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ (ถอนเงิน/โอนเงิน,เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน)
โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ”
ซึ่งยังมีกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีอีกจำนวน 2 ราย เป็นหญิงชาวลาว 1 ราย ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมสั่งการและเป็นชาวไทย 1 รายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงิน/ถอนเงิน (ของสงวนนาม)
จากการที่เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.1 ได้ทำการสืบสวนจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดในการปลอมเฟซบุ๊กและไลน์หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน และได้มีการจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวไปแล้วนั้น ต่อมาได้รับการประสานข้อมูลจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สน.ประเวศ ว่าเมื่อวันที่ 21 และ 24 ตุลาคม 2562 มีผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพไปทำการหลอกลวงให้โอนเงินซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดในลักษณะคล้ายกัน จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้วิธีการสร้างบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและไลน์ปลอมของเหยื่อ ที่มีฐานะดี มีชื่อเสียงจากนั้นจึงติดต่อหลอกลวงบุคคลที่เหยื่อรู้จักให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่เตรียมไว้จากนั้นคนร้ายก็ทำหน้าที่ถอนเงินสดออกจากบัญชีธนาคาร และปิดบังอำพรางเส้นทางการเงินโดยการโอนเงินและฝากเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีอื่น ๆซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (ชายแดนลาว) ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันกระทำความผิดจำนวนหลายคน โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนและมีการประสานงานกันเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายและเพื่อให้ยากต่อการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มแก๊งดังกล่าวได้กระทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 4,200,000 บาท ในท้องที่ สน.ประเวศ , สน.คันนายาว , สน.ทองหล่อ และ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายนี้ มีหญิงชาวลาวร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายอยู่ประเทศลาวและใช้งาน นายศุภฤกษ์ฯ เป็นผู้จัดหาบัญชี (สาวประเภท 2) รับเงินจากผู้เสียหาย และร่วมกับนายวินัยฯ (สาวประเภท 2) และนายอนุกูลฯ (สาวประเภท 2) ทำหน้าที่ ถอนเงิน โอนเงิน และนายวุฒิชัยฯ ทำหน้าที่ ถอนเงิน โอนเงิน ของผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่นเพื่อปกปิดอำพรางเส้นทางการเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ พงส. ดำเนินการสอบสวนและขออนุมัติหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ ตามรายละเอียดข้างต้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ จำนวน 4 ราย ความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาทเข้าแจ้งความที่ หลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกลุ่มคนร้าย ในความผิดดังกล่าว พงส. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ และจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว รายละเอียดความเสียหาย ดังนี้
1. สน.ประเวศ 1 รายความเสียหาย 1,000,000 บาท แจ้งความเมื่อ 24 ตุลาคม 2562
2. สน.คันนายาว 1 รายความเสียหาย 400,000บาท แจ้งความเมื่อ 8 ตุลาคม 2562
3. สน.ทองหล่อ 1 รายความเสียหาย 300,000 บาท แจ้งความเมื่อ 12 ตุลาคม 2562
4. สภ.รัตนาธิเบศร์ 1 รายความเสียหาย 2,500,000บาท แจ้งความเมื่อ 21 ตุลาคม 2562
รวมมูลค่าความเสียหาย 4,200,000 บาท
ธวัชชัย เฟื่องอนันต์ รายงาน