กรมป่าไม้เตรียมติดป้าย “พื้นที่ตรวจยึด” หน้าฟาร์มไก่ “ปารีณา” พร้อมให้ความร่วมมือขยายผลไปการตรวจสอบพื้นที่ต่อเนื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับป.ป.ช.

กรมป่าไม้เตรียมติดป้าย “พื้นที่ตรวจยึด” หน้าฟาร์มไก่ “ปารีณา” พร้อมให้ความร่วมมือขยายผลไปการตรวจสอบพื้นที่ต่อเนื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับป.ป.ช.

 

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) และป่าไม้จังหวัดเข้าปักป้ายหน้าฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม 2” ว่า เป็น “พื้นที่ตรวจยึด” หลังจากที่กรมป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีน.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฐานบุกรุก ยึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินตามพ.ร.บ. ป่าไม้ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก. ปทส.) แล้ว ส่วนการดำเนินกิจการต่อนั้น ผู้ครอบครองยังสามารถทำต่อได้จนกว่ากระบวนการยุติธรรมจะสิ้นสุด

สำหรับการที่น.ส. ปารีณาแจ้งการครอบครองที่ดิน 1,706 ไร่ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทางกรมป่าไม้ยังไม่สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้เนื่องจากไม่ทราบรูปแปลง อีกทั้งไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้ครอบครองมานำชี้แนวเขตจึงไม่ทราบว่า พื้นที่ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. อยู่ตรงไหน สิ่งที่กรมป่าไม้ทำได้คือ การตรวจสอบจากพื้นที่จริง ดูจากการใช้ประโยชน์ในที่ดินและหลักฐานที่เชื่อมโยงว่า ครอบครองถึงบริเวณใดบ้าง แต่หากป.ป.ช. ขอให้ช่วยตรวจสอบพื้นที่ตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ กรมป่าไม้ยินดีร่วมมือเข้ารังวัดให้ ส่วนกรณีที่มีข้อสังสัยว่า มีนักการเมือง นายทุน หรือผู้มีอิทธิพลครอบครองพื้นที่ป่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งมาหรือชี้เป้าหมายให้จะดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีตามมาตรฐานเดียวกัน

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ได้หารือกับนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยคาดว่า ยังมีอีกหลายพื้นที่ซึ่งกรมป่าไม้ส่งมอบให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินไปแล้ว แต่มีแนวเขตส.ป.ก. นั้นต่อเนื่องกับเขตป่าไม้ทำให้เป็นช่องว่างที่ผู้ครอบครองรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ป่าซึ่งคณะทำงานที่แต่งตั้งขึ้นของทั้ง 2 หน่วยงานจะตรวจสอบอย่างละเอียดทั่วประเทศ แล้วนำแนวเขตของทั้งกรมป่าไม้และส.ป.ก. มาถ่ายทอดรูปแปลงเพื่อแยกแยะว่า ผู้ใดครอบครองถูกต้องหรือผิดกฎหมาย

“จากนี้ไปจะให้สัมภาษณ์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินจังหวัดราชบุรีในบางกรณีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะเกรงจะเกิดผลกระทบต่อการสวบสวน เรื่องทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว” นายอรรถพลกล่าว