โรคใบร่วงยางพารา ระบาดถึงภาคใต้ตอนกลาง รุนแรงขึ้น ล่าสุดลุกลามมาถึงภาคใต้ตอนกลางแล้ว กยท. นำร่องใช้โดรนฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราใน 3 จังหวัด ฝนที่ตกหนักและลมที่พัดแรงเอื้อให้เชื้อราก่อโรคกระจายเป็นวงกว้าง

โรคใบร่วงยางพารา ระบาดถึงภาคใต้ตอนกลาง รุนแรงขึ้น

ล่าสุดลุกลามมาถึงภาคใต้ตอนกลางแล้ว กยท. นำร่องใช้โดรนฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราใน 3 จังหวัด ฝนที่ตกหนักและลมที่พัดแรงเอื้อให้เชื้อราก่อโรคกระจายเป็นวงกว้าง

 

นายกฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยางพารา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า โรคใบร่วงยางพาราลุกลามจากภาคใต้ตอนล่างได้แก่ นราธิวาส ยะลา และสตูล มาถึงภาคใต้ตอนกลางได้แก่ ตรัง กระบี่ และพังงา โดยนราธิวาสพบการระบาดมากที่สุด 432,347 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อน 40,000 ราย ลำดับถัดมาคือ พังงา 10,000 ไร่ ยะลา 1,760 ไร่ ตรัง 418 ไร่ กระบี่ 300 ไร่ และสงขลา 101 ไร่ รวม 444,926 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อน 40,132 ราย

ทั้งนี้ กยท. และกรมวิชาการเกษตรทดสอบการใช้โดรนพ่นสารกำจัดเชื้อราเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคใบร่วงในจังหวัดนราธิวาส ตรัง และพังงาในพื้นที่นำร่องจังหวัดละ 300 ไร่ซึ่งในสัปดาห์นี้จะติดตามผล จากที่ได้รับรายงานเบื้องต้นพบว่า แปลงที่ฉีดพ่นสารไปแล้ว เริ่มแตกกำลังติดตาม แต่ที่เป็นห่วงคือ ระยะนี้ฝนตกหนักและลมแรงซึ่งเอื้อให้เชื้อรา Pestalotiopsis sp เจริญเติบโตและกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น ทางกยท. ขอความร่วมมือเกษตรกรงดเคลื่อนย้ายวัสดุปลูกและใบยางพาราโดยเฉพาะจากจังหวัดที่ระบาดไปยังพื้นที่อื่น โดยเป็นไปตามคำสั่งของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้กยท. กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมวิชาการเกษตรเฝ้าระวัง พร้อมจัดทำคำแนะนำการป้องกันการระบาดของโรคใบร่วงยางพาราเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการในพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ออกสำรวจ ติดตามพื้นที่การระบาด พร้อมให้คำแนะนำ ป้องกัน ให้ความรู้ พร้อมรายงานข้อมูลให้รับทราบต่อเนื่อง วัสดุปลูกและใบยางพารา

นายกฤษดากล่าวว่า ทางกยท. จังหวัดแนะนำให้เกษตรกรใช้สารเคมีโดยวิธีฉีดพ่นลงดินด้วยสาร thiophanate methyl และพ่นทรงพุ่มยางด้วยสาร benomyl hexaconazole thiophanate methyl triadimefon และ difenoconazole เพื่อกำจัดเชื้อ โดยใช้เครื่องฉีดพ่นกำลังสูงเนื่องจากทรงพุ่มนั้นสูงถึง 15 – 20 เมตร ซึ่งเกษตรกรรอทางกยท. สนับสนุนอุปกรณ์ฉีดพ่นเพราะปกติแล้ว ชาวสวนยางพาราไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ มีใช้เฉพาะเกษตรกรที่ปลูกไม้ผลเท่านั้น อีกทั้งโรคนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ เกษตรกรจึงต้องการทราบผลสัมฤทธิ์จากการทดสอบของกยท. ก่อนว่า สารใดมีประสิทธิภาพกำจัดโรคได้และต้องใช้ปริมาณเท่าไร ดังนั้นเกษตรกรจึงยังไม่ได้ดำเนินการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราใดๆ และเป็นเหตุให้โรคลุกลามเป็นวงกว้างขึ้น ขณะนี้กยท. มีแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ป้องกันการระบาดเพิ่มโดยกันพื้นที่เป็นแนวป้องกัน (Buffer Zone) ซึ่งหากเกษตรกรพบข้อสงสัยว่าจะมีการระบาดของโรคในพื้นที่ หรือต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียดการระบาดและคำแนะนำสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานการยางแห่งประเทศไทยประจำจังหวัด