เริ่มเเล้ว “ต้นกล้าตุลาการ 10” มุ่งบ่มเพาะคนคุณภาพสู่สังคม ส่งเสริมความรู้กระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล รู้กฎหมายสิทธิหน้าที่ เปิดรับสมัครวันนี้-15 ม.ค.
โฆษกศาล ชี้เป็นโครงการตอบโจทย์พัฒนาศักยภาพเยาวชนได้เป็นอย่างดี เมื่อรู้กฎหมายจะไม่กระทำผิด และไม่ถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบ ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมกำกับ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่าในปีงบประมาณนี้ ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะมีการจัดโครงการ “ค่ายต้นกล้าตุลาการ รุ่นที่ 10” ระหว่างวันที่ 26 เมษายน- 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ที่ผ่านมาสำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดโครงการต้นกล้าตุลาการต่อเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปีจนถึงปีที่ 9 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมต้นกล้าตุลาการ รุ่นที่ 1- 9 มีเยาวชนสนใจเข้าร่วมทั้งสิ้น 4,437 และผ่านคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,114คน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่เราทำเพื่อน้อง ๆ เยาวชนอย่างแท้จริง นอกจากจะเพิ่มโอกาสให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและการดำเนินงานของศาลยุติธรรม เพื่อจะได้นำความรู้และประสบการณ์ไปใช้เป็นเกราะปกป้องสิทธิและเสรีภาพให้แก่ตนเองแล้ว ในโครงการยังมีการแนะนำแนวทางการศึกษาต่อในวิชาชีพกฎหมายอีกด้วย ซึ่งน้อง ๆ เยาวชนจะได้ใช้เวลาช่วงเข้าค่าย 6 วัน 5 คืน เพื่อเรียนรู้และค้นหาตัวเองว่าเหมาะกับวิชาชีพนักกฎหมายหรือไม่ ในขณะเดียวกันยังมีการนำวัฒนธรรมองค์กรและคุณธรรมจริยธรรมที่งดงามของศาลยุติธรรมและสังคมไทย เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต การทำงานเพื่อสังคม การเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง มาสอดแทรกในกิจกรรมให้น้อง ๆ เยาวชนนำไปปรับใช้ในชีวิตเพื่อให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดีของสังคม เนื่องจากเห็นว่าการบ่มเพาะและการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้ผู้คนในสังคมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน อย่างปกติสุข นั้น ต้องเริ่มต้นจากกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่สุด เนื่องจากมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาชาติในอนาคต กฎหมายถือว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างบรรทัดฐานทางสังคม ที่จะช่วยให้ประชาชนอยู่ในระเบียบวินัย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ส่งผลให้สังคมนั้น ๆ มีความสงบเรียบร้อย ลดการก่ออาชญากรรมและความขัดแย้งในสังคมลงได้ ศาลยุติธรรม ได้เล็งเห็นความสำคัญและคุณประโยชน์ของกฎหมายที่มีต่อกลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งจะส่งผลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในปัจจุบันและการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มเด็กและเยาวชนได้ตระหนัก เรียนรู้ สร้างความเข้าใจ เข้าถึง ความสำคัญของกฎหมาย ระบบศาลยุติธรรม ตลอดจนกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมขึ้น เเละหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการค่ายต้นกล้าตุลาการจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเด็กและเยาวชน ตลอดจนโครงการนี้จะได้รับการเผยแพร่จากกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมไปสู่ครอบครัว บุคคลใกล้ชิดในสังคม ซึ่งจะทำให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีและเป็นสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
“ศาลยุติธรรม ต้องการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนของชาติเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์การพัฒนาบ่มเพาะศักยภาพของเด็กและเยาวชนได้เป็นอย่างดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิทธิ และหน้าที่ของประชาชนตามกฎหมาย เมื่อรู้กฎหมายก็จะได้ไม่กระทำผิด และไม่ถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบ ขณะเดียวกันคุณธรรมจริยธรรมที่ปลูกฝังจะเป็นสิ่งคอยกำกับไม่ให้นำวิชาความรู้ทางด้านกฎหมายที่ได้รับไปใช้เป็นเครื่องมือในทางที่ผิด” นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการค่ายต้นกล้าตุลาการ จะต้องเป็นเยาวชนที่มีอายุระว่าง 15-18 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าจากทั่วประเทศจำนวน 120 คน สำหรับโครงการค่ายต้นกล้าตุลาการ จะเปิดรับสมัครในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2562 ถึงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2563 และจะทำการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ผ่านทางเว็บไซด์กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ https://iprd.coj.go.th/th/page/item/index/id/1 และเฟซบุ๊กเพจสื่อศาล และเฟซบุ๊กค่ายต้นกล้าตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม
โดยการจัดอบรมในครั้งนี้ จะประกอบไปด้วย การบรรยาย การอภิปราย และการแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งภายในและหน่วยงานภายนอกศาลยุติธรรม มาให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาลยุติธรรม ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป กฎหมายที่จำเป็นสำหรับเด็กและเยาวชน การไกล่เกลี่ยและระงับข้อผิดพลาด แนวทางการศึกษาและประกอบอาชีพ เป็นต้น รวมทั้งการศึกษาดูงานศาลยุติธรรม การปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรมและการจัดกิจกรรมส่งเสริม เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการอบรมด้วยกัน