ปลัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมอธิบดี 3 กรม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้ ระบุ รมว. เฉลิมชัย ให้ลงความเห็นตามดุลพินิจ

ปลัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมอธิบดี 3 กรม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้ ระบุ รมว. เฉลิมชัย ให้ลงความเห็นตามดุลพินิจ

ด้านอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เตรียมเสนอการรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกสารเคมี 3 ชนิด ซึ่งมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งที่แล้ว

มอบหมายให้จัดทำกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและเสนอผลการพิจารณาระยะเวลาและความเหมาะสมในการบริหารจัดการวัตถุอันตรายที่ยังคงเหลืออยู่

 

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ โดยกระทรวงเกษตรฯ นั้นมีผู้แทน 4 คนได้แก่ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมประมง และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร  ซึ่งปรับเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมที่มีผู้แทนของกระทรวงเกษตรฯ 5 คนได้แก่ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สำหรับการลงความเห็นนั้น ยืนยันว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้สั่งการให้เป็นไปในทางใดทางหนึ่ง กรรมการแต่ละคนจะพิจารณาจากข้อมูลซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายประมวลมาจากทุกภาคส่วน

มีรายงานว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เตรียมข้อมูลผลการรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. … เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายเกี่ยวกับการปรับสถานะสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 อันจะมีผลให้ห้ามนำเข้า ส่งออก นำผ่าน ผลิต และครอบครอง ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นผู้ผ่านเว็บไซต์และแบบแสดงความคิดเห็นทั้งหมด 48,789 ราย โดยมีผู้เห็นด้วย 12,143 รายและไม่เห็นด้วย 36,646 ราย

ส่วนประเด็นผลการพิจารณาระยะเวลาและความเหมาะสมในการบริหารจัดการวัตถุอันตรายที่ยังคงเหลืออยู่ หลังจากประกาศมีการบังคับใช้ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องนั้นคาดว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตรจะนำเสนอตามที่นำเสนอต่อคณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดที่ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานไปก่อนหน้านี้ โดยกรมวิชาการเกษตรเห็นว่า ขั้นตอนที่ต้องเปิดรับแจ้งการครอบครองภายใน 15 วันและต้องให้ผู้ครอบครองนำมาส่งมอบภายใน 15 วันหลังการแจ้ง หากออกประกาศวันที่ 1 ธันวาคมจะเหลือเวลาเพียง 5 วันนั้นซึ่งกระชั้นชิดมาก ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการนำเข้าและผลิต และร้านจำหน่ายตั้งตัวไม่ทัน อีกทั้งกระบวนการจัดการกับสารเคมี 3 ชนิดซึ่งมีอยู่ประมาณ 28,000 ตันต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนจึงอาจเสนอที่ประชุมพิจารณาชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อน

ทั้งนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า กรรมการที่เป็นผู้แทนจากกระทรวงเกษตรฯ จะนำเสนอผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากยกเลิก 3 สารทันที โดยจากการศึกษาข้อมูลของคณะทำงานฯ ซึ่งมาจากหลายหน่วยงานประเมินว่า เกษตรกร 600,000 รายจะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นคิดเป็นมูลค่า 33,417 ล้านบาท โดยผลกระทบจากการยกเลิกใช้พาราควอตและไกลโฟเซตซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดวัชพืชจำแนกเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด พื้นที่ 5.52 ล้านไร่ ไร่ละ 1,114 บาท รวม 7,807 ล้านบาท อ้อย พื้นที่ 2.33 ล้านไร่ ไร่ละ 4,136 บาท รวม 9,650 ล้านบาท มันสำปะหลัง พื้นที่ 3.04 ล้านไร่ ไร่ละ 1,167 บาท รวม 3,550 ล้านบาท ยางพารา พื้นที่ 2.85 ล้านไร่ ไร่ละ 1,725 บาท รวม 4,922 ล้านบาท ปาล์มน้ำมัน พื้นที่ 1.92 ล้านไร่ ไร่ละ 1,766 บาท รวม 3,396 ล้านบาท ท้ายสุดคือ ไม้ผลและอื่นๆ พื้นที่ 1.81 ล้านไร่ ไร่ละ 1,950 บาท รวม 3,545 ล้านบาท เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 32,867 ล้านบาท ส่วนการยกเลิกคลอร์ไพริฟอสซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช แบ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด พื้นที่ 5.52 ล้านไร่ ไร่ละ 79 บาท รวม 434 ล้านบาท อ้อย พื้นที่ 2.33 ล้านไร่ ไร่ละ 22 บาท รวม 51 ล้านบาท มันสำปะหลัง พื้นที่ 3.04 ล้านไร่ ไร่ละ 21 บาท รวม 65 ล้านบาท ไม้ผลพื้นที่ 1.81 ล้านไร่นั้นไม่มีต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากสารทางเลือกใกล้เคียงกัน ไม้ดอก พื้นที่ 15,000 ไร่นั้นไม่มีต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากสารทางเลือกใกล้เคียงกัน กลุ่มผู้ปลูกพืชไร่ (ไม่รวมข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง) พื้นที่ 205,000 ไร่ ไร่ละ 28 บาท รวม 6 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 550 ล้านบาท

นอกจากนี้คาดว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะพิจารณาถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ โดยไทยจะถูกกล่าวหาว่า ทำให้เกิดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (Non-Tariff Barriers : NTB) โดยตามกติกาขององค์การการค้าโลก (WTO) หากจะมีการยกลิกการใช้สารเคมีการเกษตรชนิดใด อันจะส่งผลให้ประเทศคู่ค้าไม่สามารถส่งสินค้าเข้ามาจำหน่ายได้นั้น จะต้องส่งหนังสือแจ้งไปยัง WTO ให้ประเทศสมาชิกทราบล่วงหน้าก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ 60 วัน ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตรได้ส่งหนังสือแจ้ง WTO เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน อีกทั้งเมื่อแจ้ง WTO ต้องมีระยะเวลาให้ประเทศสมาชิกพิจารณา ปัญหาอีกประการคือ ไทยไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่องภาคการเกษตรเช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี เป็นต้น เนื่องจากเมื่อประกาศยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดแล้ว สินค้าเกษตรที่นำเข้าจะต้องมีค่าตกค้างของสารที่ยกเลิกใช้เท่ากับ 0 (zero tolerance) ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่ 387 เรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้าง พ.ศ. 2560 แต่เนื่องจากประเทศที่ไทยยังจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศที่ใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดอยู่ การจะนำเข้าได้จึงต้องแก้ไข “ระดับปริมาณสารพิษที่เป็นอันตรายทางเคมี” (Maximum Residue Limits : MRLs) จากที่คณะกรรมาธิการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศในโครงการมาตรฐานอาหารขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก (Codex; Joint FAO/WHO Food Standards Programme) กำหนดไว้ โดยไทยจะต้องแสดงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานสากลสำหรับรองรับการยกเลิกใช้สารเคมีชนิดนั้นๆ และการแก้ไขค่า MRLs ของสินค้านำเข้าว่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้เห็นชัดเจนจนประเทศสมาชิกยอมรับจึงจะมีผลในทางปฏิบัติในการค้าระหว่างประเทศได้

 

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.) จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC
0 Minutes
กีฬา
มิเกล โรดริโก้ หั่นเองกับมือ 14 แข้งสุดท้าย “เทอดศักดิ์-ณรงค์ศักดิ์-กฤษณ์” นำทัพป้องกันแชมป์ฟุตซอลอาเซียน2024 ที่ เทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา 2-10 พ.ย.นี้ เข้าชมฟรี
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
Mr.หลิน​ จิ้น เจี๋ย รอง​ ปธ.บจก.หัวเซ​ิ้น เทรดดิ้ง เป็นประธานมอบรางวัลให้กับนักกีฬากอล์ฟ ในรายการ “กุ้ยโจว เหมาไถ มินิ กอล์ฟ ทัวร์นาเมนต์ ครั้งที่​ 5”
0 Minutes
โรงพยาบาล
ผู้บริหารของโรงแรม โฟร์ซีซั่น กรุงเทพฯ รุดมอบ เต้านมเทียม 150 ชิ้น มอบให้ผู้ป่วยที่ต้องการใช้งานเต้านมเทียม