“เครือข่ายเกษตรกรผลกระทบแบน3สาร” รวบรวมความเสียหายทุกภาคส่วน กว่า10ล้านๆบาท เกิดสึนามิเศรษฐกิจทันที ส่งคณะทำงาน รมว.เกษตร เสนอ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจระงับมติแบน3สาร มีผล1ธ.ค.62
หากไม่ยับยั้งชะลอแบนออกไป จะฟ้องศาลฎีกาคดีอาญาการเมือง เอาผิดทั้งรัฐบาล
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.62 นายชัยภัฏ จันทรวิไล ประธานเครือข่ายเกษตรกรและแนวร่วมผู้ได้รับผลกระทบจากการแบน 3 สารเคมีเกษตร เข้าพบคณะทำงานของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ
นายชัยภัฏ กล่าวว่า ได้ดำเนินการรวบรวมผลกระทบทุกภาคส่วนทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม เป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 10ล้านๆบาท ที่รัฐไม่สามารถจะหางบมหาศาลมาชดเชยเยียวยาได้ หากแบน3สาร ให้มีผลวันที่1ธ.ค.62 ทันที เสนอต่อ รมว.เกษตรฯที่ตั้งคณะทำงานพิจารณารวบรวมผลกระทบทุกด้าน เพื่อเสนอ ต่อนายกรัฐมนตรี หลังจากเดินทางกลับจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจเพราะถ้าปล่อยให้แบน3สาร จะเกิดผลกระทบขนาดใหญ่ต่อประเทศ แบบตั้งรับไม่ทัน จะเกิดสีนามิทางเศรษฐกิจ เพราะสร้างความเสียหายไปทุกกลุ่มรวมทั้งยังฉีกพันธะสัญญากติกาการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ในส่วนการต่อสู้จะขับเคลื่อนกลุ่มเกษตรกร เดินหน้าต่อสู้หลักกฎหมายปกป้องสิทธิและประโยชน์เกษตรกรและประชาชนทั่วไป หากมีการแบนสาร ผลกระทบในส่วนเกษตรกร ร้ายแรงที่สุดขาดแคลนวัสดุปัจจัยการผลิต ทำให้ผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูงขึ้นมาก เกินสองเท่า การใช้ครื่องจักรกล กำจัดวัชพืช ไม่เหมะสมกับพื้นที่เมืองไทย เพราะปลูกข้าวโพด เนินไหล่เขา มันสำปะหลัง อ้อย ที่ส่งอันดับสองของโลก จะสูญเสียการแข่งขัน
ขณะนี้ประเทศไทยเป็นเกษตรอุตสาหกรรม ถ้าแบน1ธ.ค. ไปต่อสู้ในศาล ทุกศาล จนถึงศาลกีฏาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะครั้งนี้รัฐบาล เป็นผู้ทำให้เกิดความเสียหาย กับประเทศครั้งใหญ่ แต่ยังเขื่อว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และประธนาคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะเข้าใจ ตระหนักทบทวน ชะลอการแบน3สารไว้ก่อน เพราะยังศึกษาผลกระทบไม่ครบถ้วน ที่ผ่านมาศึกษากันกี่วัน ทำไมกระทบทั้งประเทศ ถูกหลักวิชการ อะไรที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง บูรณาการข้อมูล ทุกภาคหรือไม่ ภาคเกษตร ภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ แบนสาร3ตัวนี้ มีสารตัวใหม่ ที่คุณภาพแย่กว่า ราคาแพงกว่า ด้วย ถามว่าถูกหลักวิชาการ ไหม ติดกระดุมผิดเม็ด โลกนี้เป็นโลกเคมี ถึงต้องจำกัดการใช้ เรื่องแบบนี้ใจเป็นกลางเปิดกว้าง เกษตรอินทรีย์ สู้กับการแข่งขันการส่งออกทั่วโลกไม่ได้ รัฐบาลต้องยับยั้งชะลอไว้ก่อน ถ้าไม่ฟัง มีคำสั่งแบน ฟ้องศาลปกครอง ฟ้องคดีนักการเมือง ทำผิดรัฐธรรมนูญ ม.73 จะสะเทือน ทั้งรัฐบาลนี้ เพราะนักการเมือง รัฐมนตรี ครม.ทำผิดรัฐธรรมนูญ ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาการเมือง ถ้าแบน3สารแล้วกระทบเหมือนสึนามิ ความเสียหายทุกภาคส่วน เรื่องแบนสาร ควรมีอะไรรองรับก่อน มีสารทดแทนให้เกษตรกรใช้ จนมั่นใจว่าสารใหม่ดีกว่า มีสิทธิภาพความปลอดภัยดีกว่า แล้วค่อยแบน3สาร ขออย่ามองมุมแคบๆห่วงเรื่องภาพลักษณ์พรรค เท่านั้น” นายชัยภัฏ กล่าว