สวพ.7 หวั่นซ้ำรอยสมุย ส่งชุดเฉพาะกิจรุกสร้างการรับรู้เรื่อง”การป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูมะพร้าว”ชาวเกาะเต่า ลดความเดือดร้อนชาวสวน-ปกป้องแหล่งท่องเที่ยวระดับประเทศ
หลังได้รับร้องเรียนศัตรูมะพร้าวระบาดหนัก ต้นล้มตายเป็นจำนวนมาก เร่งใช้ชีวภัณฑ์ปราบ-หนุนทำเกษตรอินทรีย์แก้ปัญหาแบบยั่งยืน
นายวิรัตน์ ธรรมบำรุง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่7 (สวพ.7) กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันเกาะพงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีชื่อเสียงของประเทศระดับโลกและมีมะพร้าวเป็นสินค้าอัตลักษณ์หนุนการท่องเที่ยวแสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมะพร้าวเกาะพะงันได้รับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ( Geographical Indication) หรือสินค้า GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่าเป็นมะพร้าวมีลักษณะเด่นเฉพาะถิ่นดังนี้ “ มะพร้าวใหญ่ สะโพกโต เนื้อหนา กะลาแข็ง ก้านใหญ่ ทางใบยาว เนื้อมะพร้าว 2 ชั้น น้ำมันใส ในเปลือกเหนียว เนื้อหวานมัน โดยปัจจุบันอำเภอเกาะพะงันมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวจำนวน 22,000 ไร่ ปลูกไร่ละ 20 ต้น ผลผลิตเฉลี่ย 60 ผล/ต้นให้ผลผลิตมะพร้าวทั้งหมดประมาณ 26 ล้านผล/ปีในจำนวนดังกล่าวเฉพาะเกาะตำบลเกาะเต่ามีพื้นที่ปลูก 3,000 ไร่
แต่ล่าสุด ภายหลังสวพ.7ได้การรับแจ้งจากเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวตำบลเกาะเต่าถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของศัตรูแมลงมะพร้าวจนทำให้สวนมะพร้าวได้รับความเสียหายต้นมะพร้าวล้ม พับ ตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวพ.7ได้รีบจัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเพื่อป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช(มะพร้าว)ของชาวบ้านอย่างเร่งด่วนแล้ว ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่ามีการแพร่ระบาดของศัตรูแมลงมะพร้าว ได้แก่ หนอนหัวดำมะพร้าว ด้วงแรด ด้วงงวงมะพร้าว และแมลงดำหนามบริเวณบ้านโฉลกบ้านเก่า หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะเต่า โดยเฉพาะด้วงแรดถือเป็นแมลงศัตรูที่สำคัญของเกาะเต่า เพราะสามารถพบได้ทุกจุดที่ทำการสำรวจ และเป็นสาเหตุแรกของการยืนต้นตายของมะพร้าวบนเกาะเต่า เนื่องจากเมื่อด้วงแรดเข้าไปเจาะโคนทางใบมะพร้าว เพื่อดูดกินน้ำเลี้ยง จากนั้นด้วงงวงจะเข้าไปวางไข่ในรอยแผลดังกล่าว เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนก็จะกัดกินเนื้อเยื่อภายในต้น ส่งผลให้ต้นมะพร้าวแสดงอาการ ยอดเหี่ยว พับ และตายในที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน สวพ.7 ร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะเต่าได้ลงพื้นที่ชี้แจงสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ชนิดแมลงศัตรูมะพร้าว ลักษณะการทำลาย และการป้องกันกำจัดโดยการใช้ชีวภัณฑ์ รวมทั้งวางแผนจัดตั้งแปลงสาธิตการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูมะพร้าวในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนให้มะพร้าวอยู่คู่เกษตรกรเป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่เกาะเต่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตราเขียวเมตาไรเซียม แตนเบียนหนอนแมลงดำหนาม แตนเบียนดักแด้แมลงดำหนามมะพร้าวและแตนเบียนหนอนหัวดำให้แก่ชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มสามารถพึ่งพาตนเองได้ และสามารถเป็นวิทยากรให้แก่กลุ่มอื่นๆที่สนใจในการผลิตชีวภัณฑ์ต่อไป
ส่วนเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายต้นมะพร้าวที่ถูกด้วงงวงเข้าทำลาย ส่งผลให้มีต้นมะพร้าวยืนต้นตายจำนวนมากนั้น ทาง สวพ.7 ได้ประสานศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรในการสนับสนุนพันธุ์มะพร้าว (พันธุ์ไทย) จำนวน 2,000 หน่อ ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ และแนะนำเกษตรกรให้ใช้หน่อพันธุ์มะพร้าวจากเกาะพะงันซึ่งเป็นมะพร้าวพันธุ์ไทยที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพของเกาะพะงัน เพื่อเป็นการนำพันธุ์ดีมาปลูกในพื้นที่ และเป็นการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวของเกาะพะงันอีกทางหนึ่งด้วย
“สวพ.7 ได้สร้างการรับรู้เกษตรกรในด้านมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร ได้แก่ มาตรฐาน GAP และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากทางชุมชนต้องการยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรภายในเกาะเต่าให้มีมาตรฐานและปลอดภัยเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและบริโภคภายในเกาะอีกด้วย ซึ่งไม่อยากให้สถานการณ์ระบาดจนเกิดเป็นวิกฤติเหมือนเกาะสมุยที่ส่งผลให้ต้นมะพร้าวบนเกาะลดลงอย่างมากในปัจจุบัน” ผู้อำนวยการ สวพ.7 กล่าว
สำหรับเกาะพะงัน ปัจจุบันเป็นแหล่งผลิตมะพร้าวอินทรีย์ที่มีศักยภาพสูง แต่ละปีได้ผลผลิตประมาณ 700,000ลูก/ปี นอกจากนี้เกษตรกรชาวสวนมะพร้าวเกาะพะงันยังให้ความสนใจการทำเกษตรอินทรีย์ โดยอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนลดการใช้สารเคมี โดยได้กำหนดเป้าหมายขยายพื้นที่มะพร้าวอินทรีย์ในเกาะพะงันให้ได้ 1,500 ไร่ ภายในปี 2564 ร่วมทั้งยังเข้าร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อร่วมกันบริหารจัดการผลผลิตมะพร้าวเกาะพะงันแบบครบวงจรอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาการระบาดของหนอนหัวดำได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตมะพร้าวอินทรีย์ของเกษตรกร ทำให้ต้นมะพร้าวถูกทำลายและได้ผลผลิตลดลงค่อนข้างมาก กรมวิชาการเกษตรจึงเร่งสร้างการรับรู้การป้องกันกำจัดหนอนหัวด้วยชีววิธีในสวนมะพร้าวอินทรีย์บนเกาะพะงันมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ที่ประสบปัญหาดังกล่าว จัดทำแปลงต้นแบบการควบคุมกำจัดหนอนหัวดำแบบผสมผสาน ซึ่งมีสถานีเรียนรู้เรื่องหนอนหัวดำ สถานีเรียนรู้การตัดทางใบมะพร้าวที่มีหนอนหัวดำระบาด สถานีการผลิตแตนเบียน สถานีเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สถานีเรียนรู้การย่อยทางใบมะพร้าว และสถานีเรียนรู้สารชีวภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกรที่สนใจให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในแปลงมะพร้าวอินทรีย์ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นกรมวิชาการเกษตรจะเร่งขยายผลสร้างการรับรู้การป้องกันกำจัดหนอนหัวดำด้วยชีววิธีในสวนมะพร้าวอินทรีย์ ไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาด้วย