“คุณเอ๋” ดอดพบ “ธรรมนัส” หอบหลักฐานเสียภาษี ภบท.5 ที่ดินฟาร์มไก่ 1.7พันไร่ ยอมรับครอบครองเอง58แปลง ยอมรับนัดสองหน่วยงาน ป่าไม้ และส.ป.ก.เข้าตรวจสอบทันที
ขณะที่ “ธรรมนัส” สั่งสังคายะนา ให้ ปทจ.ทั่วประเทศ ตรวจสอบยับ ถือครองที่ สปก. ขาดคุณสมบัติเกษตรกร
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าในวันนี้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้นำหลักฐานใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือภบท.5 ในพื้นที่ฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม กว่า1.7พันไร่ เข้าแสดงต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) พร้อมกับยอมรับว่าเป็นพื้นที่ของตนเองทั้งหมดกว่า58แปลง และเป็นพื้นที่ส.ป.ก.ที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการกระจายสิทธิ ในฝั่งอ.จอมบึง ส่วนฝั่งอ.สวนผึ้ง เป็นของนายทวี ไกรคุปต์ บิดา น.ส.ปารีณา
ทั้งนี้พร้อมยินยอมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบพื้นที่ทุกแปลง ที่มีเกือบ2พันไร่ รวมถึงมีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติด้วย เบื้องต้น ร.อ.ธรรมนัส ได้กำชับสั่งการให้ เลขาธิการส.ป.ก. ทำงานร่วมกับ อธิบดีกรมป่าไม้ เข้าตรวจสอบพื้นที่ใหม่ทั้งหมด โดยให้ทั้งสองหน่วยงานประชุมร่วมกันวางแนวทางการทำงานและกำหนดวันและเวลาเข้าตรวจแนวเขตพื้นที่ ให้เกิดความชัดเจนเพื่อตอบคำถามสังคมให้ได้ ถึงแนวทางแก้ปัญหาเชิงพื้นที่และเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายของสองหน่วยงาน
ส่วนเอกสารภบท.5ที่น.ส.ปารีณา ยื่นต่อป.ป.ช.แสดงใบเสียภาษีในพื้นที่88แปลง ที่อ้างเป็นพื้นที่ถือครองนั้นจะต้อวตำมาตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ราชบุรีแต่ยังมมีในจังหวัดอื่นๆด้วย โดยจะต้องนำมาแก้ปัญหาร่วมกันทั้งหมดด้วย
แหล่งข่าว แจ้งด้วยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ร.อ.ธรรมนัส ได้สั่งให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดทุกจังหวัด เข้าตรวจสอบการถือครองพื้นที่แปลงใหญ่ ที่หลุดรอดคำสั่งมาตรา44 ยึดคืนพื้นที่ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่36/59 เช่น สวนป่ากิตติ ที่บุกรุกพื้นที่ส.ป.ก.หลายจังหวัด หลายหมื่นไร่ รอยต่อคลุมพื้นที่ส.ป.ก.ในจ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สระแก้ว โดยขยายพื้นที่เกินเขตสัมปทาน ของกรมป่าไม้ กินพื้นที่ส.ป.ก.มาอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีการยึดคืนแต่อย่างใด อีกทั้งเข้าตรวจสอบพื้นที่ส.ป.ก.จ.สระแก้ว ที่อยู่ในการถือครองของตระกูลนักการเมือง ดัง พรรคเพื่อไทย หลายพันไร่รวมทั้งพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นคราชสีมา ที่มี ระดับบิ๊กถือครอง พื้นที่ สปก จำนวนมากด้วย
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงด้านกฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกคนระบุว่า หากตรวจสอบชัดเจนว่า น.ส. ปารีณาขาดคุณสมบัติในการครอบครองพื้นที่ส.ป.ก. เท่ากับเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ สำหรับพื้นที่แปลงนี้ซึ่งมีเขตป่าไม้ด้วย หากกรมป่าไม้ใช้พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 22 และ 24 มาดำเนินการ เจ้าหน้าที่ป่าไม้สามารถเข้าจับกุมและนำตัวออกจากพื้นที่ได้ทันที แต่ตามพ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินนั้น เจ้าหน้าที่ส.ป.ก. ไม่มีอำนาจจับกุม จากนี้จึงต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำให้สภาพที่ดินของส.ป.ก. เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและค่าชดเชยจากการที่รัฐไม่สามารถนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ หากตรวจสอบแนวเขตแล้ว ผลปรากฏชัดเจนว่า ครอบครองเกิน 500 ไร่สามารถใช้คำสั่ง คสช. ที่ 36/2560 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ยึดคืนหลวงได้ทันที ซึ่งหากผู้ครอบครองไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ร้องศาลปกครองพิจารณาหาข้อยุติ