“ธรรมนัส” แถ ไม่เลิก อ้างรับไม้ต่อจาก บิ๊กฉัตร แจกส.ป.ก.4-01ให้ สมัชชา เอ่งฉ้วน ตามคุณสมบัติ อยู่มาก่อนตั้งแต่เป็นพื้นที่ป่าและทำการเกษตร ได้สิทธิในที่ดินรายละไม่เกิน50ไร่
เผยเข้าสอบแนวเขตที่ส.ป.ก.ของครอบครัวส.ส.ปารีณา ทั้งฝั่งอ.สวนผึ้งและจอมบึงกว่า1.5พันไร่ จับพิกัด ฟาร์มไก่ วันนี้
ด้านส.ป.ก.กระบี่ ยันไม่ทบทวนแม้เป็นหลานชาย อาคม เอ่งฉ้วน แต่ สมัชชา ไม่ร่ำรวย มีฐานะปานกลาง
เมื่อวันที่ 15พ.ย. 62 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีการมอบเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ให้กับนายสมัชชา เอ่งฉ้วน อดีตผู้สมัครส.ส.กระบี่ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับสิทธิ์ครองครองที่ดิน ส.ป.ก.เนื้อที่ 16 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา บนพื้นที่หมู่ 1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ว่าเป็นเรื่องที่ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยช่วงรัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ช่วงที่พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์ และการส่งมอบพื้นที่ส.ป.ก.ให้กับนายสมัชชา ในช่วงที่ตนมาเป็น รมช.เกษตรฯที่กำกับดูแลส.ป.ก. ซึ่งที่ผ่านมากรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ป่ามาให้ ส.ป.ก. เพื่อดำเนินการจัดสรรกระจายสิทธิให้กับผู้ครอบครองเดิมมาก่อน ได้เอกสารสิทธิ์ส.ป.ก.4-01 ทำกินในที่ดินโดยทำการเกษตร แต่ต้องไม่เกิน 50 ไร่ต่อราย
แหล่งข่าวจากสำนักงานส.ป.ก.จ.กระบี่ ระบุว่านายสมัชชา ไม่ได้เป็นข้าราชการ การเมือง หรือ ส.จ.แล้วและไม่ได้รับเลือกตั้งผู้แทนราษฎรสอบตกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งครอบครัวนายสมัชชา ไม่ร่ำรวยมีฐานะปานกลาง แม้เป็นหลานชายนายอาคม เอ่งฉ้วน อดีตรัฐมนตรีและส.ส.หลายสมัยจ.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ครอบครัวนายสมัชชา อยู่ในพื้นที่มาก่อนทำการเกษตรตั้งแต่เป็นพื้นที่ป่า เมื่อนำมาพื้นที่จัดสรรสิทธิส.ป.ก.จะพิจารณาคนที่อยู่มาก่อนได้รับสิทธิไม่เกินรายละ50ไร่ โดยบิดาของนายสมัชชาได้กระจายสิทธิในที่ดินแบ่งมาให้ดังนั้นจะไม่มีการทบทวนในเรื่องคุณสมบัติของนายสมัชชา
แหล่งข่าวจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินฯกล่าวว่า ตามพ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินระบุว่า ผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้แก่ เกษตรกร ซึ่งเกษตรกรตามความหมายของกฎหมายปฏิรูปที่ดินหมายถึง 1.1 ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยพิจารณาจากการใช้เวลาส่วนใหญ่ในรอบปี เพื่อประกอบเกษตรกรรมแห่งท้องถิ่นนั้น 1.2 ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม บรรดาซึ่งไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง 3 ประเภท คือ (1) ผู้ยากจน (2) ผู้จบการศึกษาทางเกษตรกรรม (3) ผู้เป็นบุตรของเกษตรกร เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเป็นเกษตรกรที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเท่านั้นไม่มีข้อยกเว้นใดๆจึงน่าแปลกใจว่าทำไม่มีคงามพยายามอ้างอยู่มาก่อนตั้งแต่เป็นพื้นที่ป่า
ซึ่งกรณีที่ส.ป.ก.จ.กระบี่ ของนายสมัชชา เทียบเคียงกรณี น.ส.ปารีณา ไกคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อยู่ในที่ดิน ส.ป.ก.จ.ราชบุรี ทั้งสองกรณีอยู่มาก่อนตั้งแต่เป็นพื้นที่ป่าแต่ครอบครัวนายสมัชชา ได้ให้ส.ป.ก.เข้ารังวัดแปลงกระจายสิทธิแล้วและถือครองไม่เกิน50ไร่ต่อราย เพื่อทำการเกษตร ส่วนที่ ส.ป.ก.ของน.ส.ปารีณา ที่ผ่านมาพื้นที่กว่า80แปลงยังไม่ยอมเข้ากระบวนการจัดสรรสิทธิ จึงถือว่าถือครองที่ดินส.ป.ก.โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แหล่งข่าวส.ป.ก. กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส สั่งให้ส.ป.ก.จ.ราชบุรี เข้าตรวจวัดพื้นที่ทั้งหมดของส.ส.ปารีณา ในวันนี้ และเร่งสรุปมาช่วงบ่ายนี้ ให้เกิดความชัดเจนมีกี่ไร่แน่ ทั้งพื้นที่ฝั่งอ.จอมบึง ที่บริเวณฟาร์มไก่ กว่า1.7พันไร่ รวมทั้งมีพื้นที่ป่าสงวนตรงกลางที่เป็นภูเขา โดยยังมีแปลงกระจายสิทธิใส่ชื่อคนอื่น แล้วกว่า700ไร่ แบ่งแปลงรายละ48ไร่ และ49ไร่ กว่า18แปลง เพื่อไม่ให้เข้าข่ายโดนยึดตามมาตรา44 ด้วย ซึ่งต้องตรวจสอบว่ารายชื่อที่นำมาแจ้งได้รับการกระจายสิทธิในที่ดินเป็นนอมินีหรือไม่ รวมทั้งมีพื้นที่บางส่วนเป็นที่ดินมีกรรมสิทธิ์ ตามกฎหมายที่ดิน คือ นส.3และสค.1 และแปลงที่ยังไม่กระจายสิทธิ กว่า900ไร่ ส่วนฝั่งอ.สวนผึ้ง พบมีที่ดิน ส.ป.ก.ของนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ ส.ส.ปารีณาอีก600ไร่ รวมสองฝั่งเป็นที่ ส.ป.ก.กว่า1.5พันไร่ ที่ครอบครัว ส.ส.ปารีณา ยังถือครองผิดกฎหมาย ส.ป.ก.
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ให้สั่งสแกนการถือครองพื้นที่ส.ป.ก.อย่างละเอียดใน4จังหวัด มีนักการเมืองถือครองผิดกฎหมายหรือไม่ คือเพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นต่อกมธ.ปราบปราบทุจริตฯของสภาให้สอบสวนกรณีนักการเมือง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ถือครองที่ดินรัฐโดยแสดงทรัพย์สินต่อป.ป.ช.และเบื้องต้น มี พบ ชื่อ สส บางคนในตระกลูดังแจ้งยื่นบัญชีทรัพยสินต่อปปช .ว่าครอบครองพื้นที่ สปก 350ไร่ ด้วย