แม่ค้าตลาดประชารัฐ”โครงการไทยช่วยไทยคนไทยยิ้มได้”เดือดร้อนหนักขาดรายได้กว่า 3 สัปดาห์
ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อขอความเห็นใจนักท่องเที่ยวขอเปิดตลาดในจุดเดิมอีกครั้ง
เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 8 พ.ย.62 ที่บริเวณหน้าสะพานสราญวิถี ถนนเลียบชายหาดทะเลอ่าวประจวบ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของตลาดนัดถนนคนเดินริมอ่าวประจวบ และที่ตั้งตลาดประชารัฐ ตามโครงการ“ไทยช่วยไทยคนไทยยิ้มได้”ของรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำช่วงบ่ายและค่ำทุกวันศุกร์และวันเสาร์พ่อค้าและแม่ค้าของตลาดประชารัฐฝั่งเต็มสีชมพู ตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบชายหาด หน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างหนักจากการขาดรายได้เลี้ยงชีพมานาน ซึ่งมีสาเหตุมาจากตลาดถูกให้หยุดพักกิจการมานานหลายสัปดาห์ได้รวมตัวกันมาตั้งโต๊ะทำประชาพิจารณ์ล่ารายชื่อขอความคิดเห็นและความเห็นใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไป-มาจับจ่ายซื้อสินค้าภายในตลาดถนนคนเดิน เพื่อขอให้ช่วยสนับสนุนให้ตลาดประชารัฐ “โครงการไทยช่วยไทยคนไทยยิ้มได้” ได้จัดตั้งเปิดจำหน่ายสินค้าอีกครั้ง พร้อมถือป้ายข้อความว่า”โปรดช่วยให้เต็นท์ชมพูอยู่คู่ประจวบ” โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นสมควรให้พ่อค้าแม่ค้าตลาดประชารัฐฝั่งเต็นท์ชมพูได้เปิดจำหน่ายสินค้าต่อไป
ในขณะที่ทางด้านรัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเร่งหามาตรการช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบทางเท้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้กระทรวงมหาดไทยจัดหาพื้นที่ขายของให้กับประชาชนโดยย้ำว่าต้องเป็นพื้นที่ที่พ่อค้าแม่ค้าขายของได้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทับซ้อนขึ้นมาในภายหลัง
ด้านนายศุภวิชญ์ พิศุทธิ์กิจจากร นักท่องเที่ยวชาวประจวบฯ ที่มาเดินซื้ออาหารและจับจ่ายซื้อสินค้าภายในตลาดแห่งนี้บ่อยครั้ง และมาท่องเที่ยวตกปลาบริเวณชายหาดอ่าวประจวบ กล่าวแสดงความรู้สึกว่า ตนเองอยากให้มีการจัดตลาดแห่งนี้ต่อไป เนื่องจากสามารถหาซื้อของกินของใช้ได้หลากหลายและหาซื้อได้ง่าย โดยส่วนตนเองได้มาท่องเที่ยวตกปลาและมาซื้อของรับประทานในตลาดแห่งนี้บ่อยครั้งนานหลายปีก็ไม่เห็นเกิดผลกระทบอะไร การสัญจรบริเวณถนนชายหาดก็สะดวกปกติ มีแค่ช่วงบ่ายและค่ำของวันศุกร์และวันเสาร์ 2 วันเท่านั้นที่มีการจัดตลาด แต่ก็สามารถเลี่ยงไปใช้ถนนสายอื่นแทนได้ และหลังจากตลาดเลิกแล้วก็ไม่พบเห็นมีการตั้งเต็นท์กีดขวางการจราจรแต่อย่างใด ส่วนตัวคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดมาจาก เสียผลประโยชน์ หรือการแบ่งผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวมากกว่า
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ(นักข่าวบ้านนอก)จังหวัดประจวบคีรีขันธ์