ปฏิบัติการร่วมภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน จับโคเคน 1.2 กก.

ป.ป.ส. กรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย

ปฏิบัติการร่วมภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน จับโคเคน 1.2 กก. เตือนมีความพยายามลักลอบนำเข้าโคเคนมากขึ้น

 

จากการปฏิบัติการร่วมกันภายใต้โครงการ “การสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task force : AITF)” อย่างต่อเนื่องส่งผลให้วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 สามารถสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศได้โดย จับผู้ลักลอบลำเลียงเป็นหญิงชาวเคนยา ซึ่งเดินทางมาจากประเทศแองโกลา พร้อมโคเคนนำ้หนักประมาณ 1.2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในร่างกายด้วยวิธีการกลืนมา ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่าพบแนวโน้มการลักลอบนำโคเคนเข้าประเทศมากขึ้น โดยก่อนหน้าในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ศุลกากรหนองคาย จับหญิงไทยอายุ 19 ปี เดินทางมาจาก สปป ลาว พร้อมโคเคนน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเสื้อกันหนาว ที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย โดยในปีงบประมาณ 2562 การปฏิบัติการภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน สามารถจับผู้ลักลอบนำโคเคนเข้าประเทศไทยถึง 22 ครั้ง น้ำหนักรวม 30.6 กิโลกรัม และจากการซักถามผู้ต้องหาทำให้ทราบว่าเกือบทั้งหมดมีผู้บงการจ้างวานเป็นคนผิวสี ซึ่งหลายรายก็ได้มีการขยายผลจับผู้บงการจ้างวานได้แล้ว และบางรายอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการที่จะจับมาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตามแม้ปัญหาการแพร่ระบาดของโคเคนในประเทศยังมีน้อย เนื่องจากมีการใช้ในกลุ่มจำกัดโดยเฉพาะผู้เสพที่มีฐานะการเงินดี และมักใช้กันในกลุ่มคนเที่ยวกลางคืนในสถานบันเทิง แต่ก็มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทำให้ทราบว่ามีความพยายามของขบวนการค้ายาเสพที่จะนำโคเคนเข้าแพร่ในประเทศไทยมากขึ้น. ดังนั้นจึงขอให้ผู้ปกครองได้ให้ความสนใจบุตรหลานที่อยู่ในวัยรุ่นหรือวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนจากการเที่ยวเตร่กลางคืน

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่าการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในประเทศเป็นมาตรการหนึ่งที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วนของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งนอกจากการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนแล้ว ยังให้ความสำคัญกับสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าทางท่าอากาศยานและท่าเรือด้วย ทั้งนี้สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับหน่วยภาคีได้ดำเนินมาตรการสืบสวนหาข่าวและตรวจสอบอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของทางราชการจะมีประสิทธิมากขึ้นหากได้รับความร่วมมือจากประชาชน ดังนั้นท่านใดพบเห็นหรือมีข้อมูลเบาะแสยาเสพติด สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

*ภาพประกอบจากเคสล่าสุด (หญิงชาวเคนยา)@จจ. ป. ป. ส. # ธวัชชัย  เฟื่องอนันต์  รายงาน