“ประภัตร” ออกโรง หาสารทางเลือกทดแทน3สาร ให้ชาวไร่ชาวนา
จี้หน่วยงานเร่งขึ้นทะเบียน ปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพกำจัดศัตรูพืช สูตรโครงการหลวง และสูตรภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้จบรู้ผลใน3-7วันนี้ ลั่นไม่กระทบต้นทุนทำเกษตร
เมื่อวันที่ 23 ต.ค.62 นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีการแบน3สารเคมี คลอร์ไพรีฟอส พาราควอต ไกลโฟเซต ยกระดับเป็นวัตถุอันตรายประเภท4 โดยห้าม จำหน่าย ผลิต ครอบครอง นำเข้า ส่งออก ให้มีผลวันที่1ธ.ค.นี้ทันที ว่าคนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าสาร3ตัวมีอันตรายต่อร่างกาย ตนเห็นด้วยที่ยุติการใช้สารเคมี โดยกระทรวงเกษตรฯทุกคนเห็นด้วย เราสนับสนุนการแบนสารครั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯจะร่วมมือกับทุกฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเพราะต้องยอมรับว่าเกษตรกรบางส่วน ยังเคยชินกับการใช้สารเคมี ดังนั้นการปรับเปลี่ยนให้มาใช้สารทางเลือกในการทำเกษตรปลอดภัย จะต้องทำให้เกษตรกรเกิดความเชื่อถือในสารชีวภัณฑ์ตัวใหม่ ที่เป็นอินทรีย์ มาทดแทน โดยจะไม่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นไม่ให้เป็นภาระกับชาวไร่ชาวนา
“ชาวไร่ ชาวนา บางส่วนยังติดการใช้สารเคมี เพราะเคยใช้อะไร ที่หาง่าย ฉีดแล้วหญ้า แมลง ตายทันที ถ้ามาใช้ตัวใหม่ศัตรูพืชตายช้าลง ก็ยังอยากใช้ตัวเดิม ซึ่งการแบน3สารในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายจะต้องมาพูดกันช่วยกัน หันหน้ามาช่วยกัน ทำให้เกษตรกรฐานราก ให้อยู่ได้ เพราะเกษตรกรเป็นฐานใหญ่ของประเทศ ใครมีข้อคิดเห็นดีๆมาเสนอได้ ซึ่งสารทดแทน มีมากหลายอย่าง สิ่งสำคัญต้องทำให้เกษตรกร เชื่อถือ ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ที่อาจกำจัดศัตรูพืชได้ช้ากว่า3สาร ซึ่งต้องหาทางเลือก ทางออกทำเกษตรที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องคิดทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนไทย ไม่ให้แผ่นดินไทย เต็มไปด้วยสารพิษ เป็นที่ทิ้งสารเคมีที่ต่างประเทศ แต่มีเพียงคนกลุ่มเดียวได้ผลประโยชนมหาศาลจากการเอาเปรียบคนไทยมาตลอด ซึ่งจากนี้กรมวิชาการเกษตร ต้องเปิดรับการขึ้นทะเบียน ให้กับสารทดแทน สารชีวภัณฑ์ ที่คิดค้นโดยคนไทย นำภูมิปัญญาชาวบ้าน มาขึ้นทะเบียนสูตรต่างๆไว้ ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภาพ วีธีการทำเกษตรปลอดสาร ที่ใช้ทำในโครงการหลวง ของในหลวงรัชกาลที่9 พระองค์ทรงทำต้นแบบไว้มากมายให้คนไทย” นายประภัตร กล่าว
นายประภัตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตร ต้องเปิดรับการขอจดขึ้นทะเบียน สูตรปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช ที่เป็นอินทรีย์ ทำในประเทศได้ผลดี ทุกวันนี้ทำใช้กันในชุมชนมีเป็นจำนวนมาก และต้องให้รู้ผลโดยเร็วภายใน 3-7วัน เพื่อมาเป็นสารทางเลือกให้กับเกษตรกร รวมทั้งควรเปิดโอกาส ผู้ประกอบการ ผู้คิดค้น ที่มีสารทดแทน ใครมีของดี นำมาเข้าสู่ขั้นตอนทางวิชาการ และกรมวิชาการเกษตร ต้องบอกมาว่าไม่ให้ขึ้นทะเบียนเพราะอะไรใน 3-7วัน หากเครื่องมือตรวจสอบไม่พอ ตนจะขอให้เอกชน มาช่วยเพื่อการทดสอบจะได้รวดเร็วขึ้น เพราะชาวไร่ ชาวนา ต้องมีทางเลือกให้เขาโดยไม่กระทบต้นทุน ซึ่งตนเห็นว่าโครงการหลวง ทั่วประเทศ มีสารอินทรีย์ สูตรกำจัดวัชพืช แมลง ที่เกษตรกรสามารถทำได้เอง ให้หน่วยงานเข้าไปดู นำมาขึ้นทะเบียนโดยเร็วเพื่อให้นำทำเองใช้ได้อย่างแพร่หลาย ทั้งมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและเกษตรกรอีกด้วย