ยันม่าร์ โชว์เทคโนโลยีสุดล้ำในญี่ปุ่นและโครงการเพื่อสังคม
เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนทั่วโลก
กลุ่มยันม่าร์ มองไปยังอนาคตในอีก 100 ปีข้างหน้าตามวิสัยทัศน์ “A Sustainable Future” หรืออนาคตที่ยั่งยืน จึงได้มีการวิจัยและพัฒนาทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ์
ยันม่าร์ ก่อตั้งขึ้นที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2455 ต่อมาในปี 2476 ได้เป็นบริษัทแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กที่เหมาะกับการใช้งานในตลาด หลังจากนั้นยันม่าร์ได้ขยายงานจากการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นหัวใจหลักของบริษัท ไปยังผลิตภัณฑ์ บริการ และความเชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรในฐานะผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม โดยโซลูชั่นที่โดดเด่นของยันม่าร์ อาทิ
- การคิดค้นเครื่องยนต์ 2LB และ เครื่องยนต์ SS สำหรับเรือประมงในปี 2490 ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารหลังสงครามโลก
- แทรกเตอร์พลังแรงรุ่น Y ซีรี่ส์ ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ที่เหมาะสำหรับการไถโดยเฉพาะ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับหนึ่งในปี 2509
- รถไถเดินตามรุ่น HD5 เปิดตัวในปี 2508 ซึ่งเป็นเครื่องจักรกลเครื่องแรกของญี่ปุ่นที่สามารถพรวนดินได้ นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้อุตสาหกรรมการการเกษตรและตอบโจทย์ปัญหาขาดแคลนแรงงาน
- รถขุด YB600C ที่เปิดตัวในปี 2515 สามารถขุดได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในจุดที่แคบ
- Smart Assist Remote ในปี 2556 ที่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีไอซีทีเพื่อการเกษตรหลักของยันม่าร์
นอกจากนี้ยันม่าร์ยังมีอีกกว่า 7 กลุ่มธุรกิจทั่วโลก ได้แก่ เครื่องยนต์สำหรับอุตสาหกรรม เครื่องยนต์สำหรับเรือเดินทะเล เครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ เครื่องจักรสำหรับก่อสร้าง ระบบพลังงาน เรือสำราญและเครื่องมือ และส่วนประกอบของเครื่องจักร
ยันม่าร์มีส่วนสนับสนุนอุตสหากรรมการผลิตอาหารมาอย่างยาวนานด้วยการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร หลังจากครบรอบ 100 ปี ยันม่าร์ กำลังก้าวไปสู่ศตวรรษที่ 2 และได้ปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นผู้สนับสนุนใน “ห่วงโซ่คุณค่าการผลิตอาหาร” โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีและช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในทุกช่วงของกระบวนการเกษตรกรรม ยันม่าร์ต้องการสร้างสังคมที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์และมีคุณภาพ บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารในหลายด้าน นับตั้งแต่เครื่องจักรที่มีคุณภาพเหนือกว่าไปจนถึงการนำเทคโนโลยีไอซีทีมาใช้ อีกทั้งยังสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเกษตรและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบ
- อาคาร Flying-Y ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของยันม่าร์ท สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมเมื่อเริ่มก่อตั้งบริษัทฯ ในปี 2455 ตัวอาคารสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีล่าสุดจากธุรกิจต่างๆ ของยันม่าร์ นับเป็นอาคารที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการสื่อสารนวัตกรรมโซลูชั่นของยันม่าร์ไปยังตลาดโลก
- โรงงานบิวะ ในจังหวัดชิกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงงานหลักที่ใช้ในการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสูบตั้งระบายความร้อนด้วยน้ำ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 105,860 ตารางเมตร และติดตั้งเครื่องจักรและเทคโนโลยีระดับชั้นนำ ภายในสายการผลิตมีกระบวนการผลิตที่ยืดหยุ่นซึ่งสามารถผลิตเครื่องยนต์ได้มากถึง 2,000 รูปแบบตามความต้องการของลูกค้ายันม่าร์ทั่วโลก
- พิพิธภัณฑ์ยันม่าร์ (Yanmar Museum) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านเกิดในจังหวัดชิกะของนายมาโกกิชิ ยามาโอกะ ผู้ก่อตั้งยันม่าร์ โดยพิพิธภัณฑ์ยันม่าร์มีกำหนดเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 หลังจากปิดเพื่อปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยปรับเปลี่ยนภายในให้เป็นพื้นที่ที่คนรุ่นใหม่ สามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ผ่านนิทรรศการที่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Challenges towards an exciting future” หรือความท้าทายเพื่อไปสู่อนาคตที่ ตื่นตาตื่นใจ ภายในพิพิธภัณฑ์ ผู้เข้าชมสามารถฟังเรื่องราวความไฝ่ฝันในการเอาชนะความท้าทายของนายมาโกกิชิ ยามาโอกะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และเรียนรู้แง่มุมในการทำเกษตรกรรมและประมงผ่านโลกจำลองที่น่าตื่นตาตื่นใจ ภายในพิพิธภัณฑ์มีนิทรรศการต่าง สำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ มีให้ทดลองขับเรือ ขับแทรกเตอร์ หรือเครื่องจักรก่อสร้างต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของยันม่าร์มีความหลากหลายทั้งทางเกษตรกรรม ทางทะเล และในเมืองใหญ่ และยังกระตุ้นให้ทุกคนได้เรียนรู้เรื่องการผลิตอาหาร การใช้พลังงาน และการพัฒนาเมืองให้มากขึ้น
นอกจากนี้ยันม่าร์ยังเชื่อในความสำคัญของกีฬาที่จะเป็นพลังและสร้างความตื่นตัวในสังคม บริษัทฯ จึงให้การสนับสนุนกีฬาฟุตบอลมาอย่างยาวนาน โดยยันม่าร์เป็นพันธมิตรหลักของสโมสรฟุตบอลอาชีพในเจลีกอย่าง เซเรโซ โอซาก้า (Cerezo Osaka) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในปี 2500 จากชมรมฟุตบอล Yanmar Diesel Soccer Club ที่มีพนักงาน 14 คนเป็นสมาชิก ต่อมาในปี 2508 ได้ลงแข่งใน Japan Soccer League (JSL) และในปี 2536 ได้แยกตัวออกมาเป็นอิสระจากชมรม จากนั้นในปี 2537 สโมสรชนะเลิศการแข่งขัน Japan Football League (JFL) และได้รับการเลื่อนชั้นเข้าเจลีกในปีถัดมา ในปี 2557 ยันม่าร์ได้รับสิทธิ์ในการใช้ชื่อในสนามเหย้าของเซเรโซซึ่งปัจจุบันคือสนามยันม่าร์ สเตเดี้ยม นากาอิ (Yanmar Stadium Nagai
นอกจากสโมสรเซเรโซ โอซาก้า จะเป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นและเอเชียแล้ว ยังมีส่วนในการสร้างนักเตะที่มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นชินจิ คากาว่า, ทาคาชิ อินุอิ และทาคูมิ มินามิโนะ ซึ่งล้วนเป็นผู้เล่นที่ปัจจุบันได้เข้าร่วมทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำในยุโรป
ในประเทศไทย ยันม่าร์มุ่งสนับสนุนเยาวชนที่มีความฝันด้านกีฬาฟุตบอลผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านมา กลุ่มยันม่าร์ได้ร่วมกับกลุ่มบางกอกกล๊าซ สโมสรบีจีปทุมยูไนเต็ด (ซึ่งยันม่าร์เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ) และเซเรโซ โอซาก้า ในการก่อตั้งยามาโอกะ ฮานาซากะ อคาเดมี (Yamaoka Hanasaka Academy หรือ YHA) โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนไทย และสร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่ขาดแคลนให้สามารถทำตามความฝันในการเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ YHA ให้การสนับสนุนเยาวชนที่ยากไร้ทั้งในด้านทุนการศึกษาและการฝึกฝนกีฬา เพื่อให้เด็กเหล่านี้สามารถพัฒนาตนเองและกลายเป็นนักฟุตบอลในอนาคต ทั้งนี้มีเยาวชนที่จบการศึกษาจาก YHA คือ ภัทรายุทธ โนรี, พงศรวิช จันทวงศ์, ตะวัน โคตรสุโพธิ์ และ ธนินท์ เกียรติเลิศธรรม ประสบความสำเร็จในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยมี 2 คนที่ได้เข้าร่วมไปฝึกซ้อมสโมสรเซเรโซ โอซาก้า ในประเทศญี่ปุ่น
คุณฮิโรมิ คุโบตะ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารแบรนด์ บริษัท ยันม่าร์ จำกัด กล่าวว่า “ ยันม่าร์มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมในอีก 100 ปีข้างหน้า เราต้องการนำเสนอเทคโนโลยีที่สร้างผลผลิตได้อย่างสูงสุดโดยใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด เราจะเดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในวันนี้ และสร้างชีวิตที่ดีเพื่ออนาคตของเราทุกคน ยันมาร์ดำเนินธุรกิจมาด้วยวิสัยทัศน์ “A Sustainable Future” หรือการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งจะประกอบไปด้วย
– สังคมประหยัดพลังงาน
– สังคมที่ทำงานและดำเนินชีวิตได้อย่างไร้กังวัล
– สังคมที่ไม่ต้องกังวลถึงการขาดแคลนอาหาร
– สังคมที่ผู้คนได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ตลอดไป
ด้านการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด เริ่มต้นธุรกิจด้วยการจำหน่ายเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ในปี 2521 จวบจนปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจประกอบและจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร อาทิ เครื่องยนต์ดีเซลอเนกประสงค์ขนาดเล็ก รถไถเดินตาม แทรกเตอร์ รถดำนา รถเกี่ยวนวด รถตัดอ้อย และอุปกรณ์ต่อพ่วงรวมทั้งเครื่องจักรสำหรับภาคอุตสาหกรรม อาทิ รถขุดขนาดเล็ก โดยมีผู้แทนจำหน่ายพร้อมศูนย์บริการทั่วประเทศ และมีบริษัทในเครือให้บริการสินเชื่อด้านการเกษตร คือบริษัทยันม่าร์แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด และยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโรบอตแทรกเตอร์ไร้คนขับ ต้นแบบเกษตรไร้แรงงานที่เคยนำมาสาธิตการทำงานในประเทศไทย และจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นไปแล้วกว่า 30 คัน
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ https://www.yanmar.com/global /