“มนัญญา ลั่นแบน3สารวันที่1ธ.ค.62 เร่งเดินส่งหนังสือถึงนายกฯรมว.3กระทรวงด้วยตนเอง ให้ทันเข้าที่ประชุมกก.วัถตุอันตราย22ต.ค.นี้ พร้อมเชิญสื่อร่วมนั่งเฝ้าหน้าห้องรอมติ เพื่อดูเจตนาและความมีมนุษยธรรม ชี้หากทุกฝ่ายทำในสิ่งที่ถูกต้องประเทศไทยจะรุ่งโรจน์มาก”

“มนัญญา ลั่นแบน3สารวันที่1ธ.ค.62 เร่งเดินส่งหนังสือถึงนายกฯรมว.3กระทรวงด้วยตนเอง ให้ทันเข้าที่ประชุมกก.วัถตุอันตราย22ต.ค.นี้ พร้อมเชิญสื่อร่วมนั่งเฝ้าหน้าห้องรอมติ เพื่อดูเจตนาและความมีมนุษยธรรม ชี้หากทุกฝ่ายทำในสิ่งที่ถูกต้องประเทศไทยจะรุ่งโรจน์มาก”

 

 

 

เมื่อวันที่ 12 ต.ค.62 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าหลังจากออกจากรพ.สมิติเวชเมื่อวันที่10ต.ค. ได้รีบมารวบรวมเอกสารเพื่อแบน3สารเคมี คลอร์ไพริฟอส พาราควอต ไกลโฟเซต เสนอนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงนามตามขั้นตอนก่อนส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม โดยเอกสารทั้งหมดได้ทำเสร็จสมบูรณ์แล้วและไปยื่นให้รมว.เกษตรฯด้วยตนเอง ที่ห้องทำงานท่านรัฐมนตรีว่าการฯได้ทราบว่าท่านเดินทางไปจ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงต้องรอให้ท่านรมว.เกษตรฯมาลงนามก่อนจึงส่งไปหน่วยงานนอกกระทรวงได้ ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะไปเดินหนังสือเอกสารการแบน3สาร ด้วยตนเอง ไปส่งถึงท่านนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ลงนามเพื่อให้ทันวันที่22ต.ค.ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งดิฉันจะไปนั่งเฝ้าห้องประชุม รอฟังผลมติของที่คณะกรรมการฯพร้อมเชิญสื่อมวลชนไปร่วมฟังด้วยกัน โดยรัฐมนตรี3กระทรวงมีความเห็นตรงกันที่ขอให้การลงมติของคณะกรรมการฯทุกท่านเป็นไปอย่างเปิดเผยถึงความเห็นว่าแบนหรือไม่แบน แต่ละรายมีเหตุผลอย่างไรให้สาธารณะชนรับทราบอย่างชัดเจน

“ตอนที่พี่อยู่รพ.ไล่อ่านดูคำพูด ทุกคนของคณะทำงาน4ฝ่าย ที่มีมติแบน3สาร 9ต่อ0 ให้มีผลทันทีวันที่1ธ.ค.นี้ พี่เกรงจะผิดพลาด ได้ส่งให้ทุกคนอ่านทวนอีกครั้งและ รับรองมติของตัวเอง ส่งให้ รมว.เกษตร เมื่อท่านเซ็นเรียบร้อย หนังสือเอกสารแบน3สาร จึงออกนอกกระทรวงได้ พี่จะนำหนังสือ เดินไปให้ ท่านนายกฯ รองนายกฯรมว.สาธารณสุข รมว.อุตสาหกรรม ไปด้วยตนเอง สัปดาห์หน้า”น.ส.มนัญญา กล่าว

รมช.เกษตรฯกล่าวว่าช่วงนี้รมว.เกษตรฯกำลังอ่านเอกสาร โดยในวันที่13 ต.ค.ดิฉันไปเปิดงานที่จ.อุทัยธานี และเป็นตัวแทนรมว.เกษตรฯเดินทางไปประชุมที่ประเทศบูรไน วันที่14 ต.ค.จะเร่งกลับมาก่อนถึงไทยในวันที่17 ต.ค.เพื่อมาเร่งดำเนินการให้เสร็จ ส่วนคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะมีมติอย่างไรนั้น ดิฉันเชื่อว่าของทุกอย่างอยู่ที่ความเป็นมนุษยธรรม และต้องดูที่เจตนาของคณะกรรมการ

“ขณะนี้พี่มาดูงานสหกรณ์ปากพะยูน จ.พัทลุง แม้แต่เกษตรกรภาคใต้ เข้ามายื่นหนังสือสนับสนุนยกเลิกใช้สารเคมี เพราะเกษตรกรหลายพื้นที่ไม่ใช่สารเคมีมานานแล้ว ทุกคนตื่นตัวมากขึ้น ซึ่งนโยบายของพี่ ทำจากข้างล่างขึ้นสู่ข้างบน เอาความต้องการทุกคนขึ้นจากพื้นที่เป็นหลักจะทำงานให้กับชุมชนได้ทุกอย่างถูกจุด”น.ส.มนัญญา กล่าว

น.ส.มนัญญา กล่าวถึงกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อจ.อุทัยธานี และเป็นพี่ชาย ตนเองไม่พอใจข้าราชการไม่ปฏิบัติตามนโยบายว่า คงโมโห ที่เห็นพี่ป่วยจากความเครียด ทั้งทำงานหนักและโดนกดดันมาตลอดเรื่องแบน3สาร ยังตระเวนไปตรวจบริษัทนำเข้าสาร ต้องทวงเอกสารสต๊อกสารด้วยตนเอง จากหน่วยงานที่พี่ดูแลด้วย ท่านจึงหงุดหงิด และไม่เข้าใจข้าราชการ ที่ผ่านมาอนุญาตให้สารเคมีเข้ามาขายเป็นร้อยๆบริษัท หลายร้อยชนิดในท้องตลาด ทั้งที่รู้ว่าเป็นสารเคมีที่ทิ้งแล้วของต่างประเทศ เทมาราคาถูกๆไปเอาเข้ามาบ้านเรา ถึงขนาดนี้แล้วพี่น้องประชาชนทั่วประเทศเขาไม่ยอมรับ ซึ่งประเทศไทยจะต้องเลิกวันที่1ธ.ค.นี้ ก่อนที่ประเทศมาเลเซีย แบนสารวันที่ 1ม.ค.63 ในส่วนงานต่อจากนี้จะไปตรวจด่านพืชผัก 3ด่าน ที่ภาคเหนือ ซึ่งน่าแปลกใจไม่มีเครื่องตรวจสารพิษ ในพืชผัก ผลไม้ ที่ทะลักเข้ามาทุกวัน ก่อนหน้านี้ไปตรวจมะพร้าว นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย พบมะพร้าวมีงอก จึงไล่มะพร้าวกลับประเทศต้นทางทั้งหมด ผู้นำเข้าโทรหาพี่ชาดา ให้ช่วยแต่พี่ชาดา ปฏิเสธหมดบอกว่าคนทำผิดกฏหมาย ไม่ต้องมาขอและไม่ช่วยเด็ดขาด ส่งผลให้วันนี้มะพร้าวไทยราคาสูงขึ้น จากเดิมผลละ5บาทเป็น15บาทแล้ว

“ พี่ยืนยันว่าหากทุกฝ่าย ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ประเทศไทยจะรุ่งโรจน์อีกมาก ประชาชนส่งกำลังใจให้พี่ต่อสู้กับเรื่องที่ผิด เขายกย่องพี่เป็นวีรสตรี ซึ่งการยกเลิกใช้สารเคมี ถึงเวลาแล้วประเทศไทย ต้องทำจริงๆ พี่เตรียมมาตรการดูแลเกษตรกร รักษาแหล่งปลูกพืชผักปลอดสารเคมีในประเทศอยู่รอดได้ มีความเป็นอยู่ดีมากขึ้นด้วยกว่าที่ผ่านมา แค่ผลิตให้คนกินในประเทศยังไม่พอ ต่อไปค่อยขยายส่งออก จากนี้หน่วยงานกระทรวงเกษตรฯต้องคิดให้ดีทำให้ถูก”รมช.เกษตรฯกล่าว

น.ส.มนัญญา กล่าวถึงอาการก่อนเข้ารักษาตัวรพ.สมิติเวช ว่าจากจมูกบวม เกิดอาการแน่นจมูก ไปถึงหน้าผาก และปวดหัวจนเส้นขึ้น ลามไปลงกระเพาะ ไปใหญ่โต ก่อนหน้านี้ที่จะป่วยได้ไปตรวจสารเคมีที่โรงงาน ซึ่งแต่ละโรงไม่ได้มีแค่3สาร เพราะนำเข้าส่งออก ไม่เสียภาษี ยกเหตุเรื่องช่วยลดต้นทุนการเกษตร ทั้งได้ไปเข้าดูสต๊อกต่างๆ ทีมงานที่ไปด้วยทุกคนต่างบอกว่ากลิ่นแรงมากติดเสื้อผ้า จนแสบจมูก และล่าสุดได้มีผู้บริโภคแจ้งว่าขอให้เร่งจับ น้ำยาตัวหนึ่งลักษณะเป็นน้ำข้นๆ ซึ่งพ่อค้าได้นำน้ำยาตัวนี้มาให้เจ้าของสวนผัก ถึงแปลงผัก โดยให้จุ่มผักกองไว้เพื่อให้ผักสดใบเขียวคงทนอยู่ได้นานโดยไม่เหี่ยว ส่งรถมารับผักขึ้นมาส่งที่ตลาลกลางหลายแห่งใกล้กรุงเทพฯ ตนจะไปจับสารเคมีตัวนี้พิสูจน์ว่ามีความเป็นพิษต่อสุขภาพอย่างไรหรือไม่เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและเกษตรกร

You May Have Missed!

0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
สาวผวาหนัก ถูกโจรซุ่มชิงทรัพย์ในลานจอดรถห้างดังย่านแคราย พบคนร้ายเป็นหนี้กว่า 5 แสนบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ขยี้ตารัวๆ! Ar-Lek Home ทาวน์โฮมหลังใหญ่ สไตล์มินิมอล ย่านนครปฐม ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ร่วมสร้างกรุงเทพในฝันประชาธิปัตย์ก้าวใหม่ กรุงเทพเผชิญวิกฤติทุกมิติ ฝุ่นพิษ PM 2.5  จราจร คนว่างงาน อาชญากรรมเมืองจม น้ำเน่า น้ำท่วม ฯลฯ
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.) จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC