ปิดฉาก “HigherEd for PWD” ระยะที่ 1 เสริมสมรรถนะคนพิการสู่ตลาดแรงงานจริง
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมหาวิทยาลัยเครือข่าย 5 แห่ง จัดแถลงข่าวสรุปผลและปิดโครงการการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาศักยภาพคนพิการเพื่อการประกอบอาชีพ ผ่านโมเดลการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ มจธ. HigherEd for PWD ระยะที่ 1 ซึ่งเป็นโครงการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพคนพิการสู่การประกอบอาชีพในตลาดแรงงานจริง ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้อง Auditorium ชั้น 3 อาคารการเรียนรู้พหุวิทยาการ (LX) มจธ. บางมด กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการ
รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า โครงการ HigherEd for PWD เป็นการนำประสบการณ์และรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรฝึกอาชีพคนพิการของ “โครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ มจธ.” ที่ มจธ. ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 มาขยายผลผ่าน 5 มหาวิทยาลัยเครือข่าย ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่ง พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมและฝึกงานที่ออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน (Demand-Driven) ในพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง
“จากเดิมที่ มจธ. ดำเนินโครงการฝึกอาชีพให้คนพิการได้เฉลี่ยรุ่นละ 50 คน แต่เมื่อเริ่มโครงการ HigherEd for PWD ในปีแรก สามารถขยายการอบรมให้คนพิการจากทั่วประเทศได้ถึง 300 คน นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสให้กับคนพิการมากขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังทำให้สถาบันและบุคลากรที่เข้าร่วมโครงการเข้าใจ โมเดล 6 ขั้นตอน ของการฝึกอาชีพคนพิการ ซึ่ง มจธ. ใช้เวลากว่า 10 ปีในการพัฒนา และสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของมหาวิทยาลัยและความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละพื้นที่”
ด้าน ดร.อรกัญญาณี เลี้ยงอิสสระ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มจธ. หัวหน้าโครงการฯ โมเดลหลัก 6 ขั้นตอน ที่ มจธ. ในฐานะพี่เลี้ยงโครงการฯ ได้มีการสนับสนุนมหาวิทยาลัยเครือข่ายทั้ง 5 แห่ง เพื่อจัดทำและฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาทักษะอาชีพให้กับคนพิการในพื้นที่ของตนเอง ประกอบด้วย (1) การหารือกับสถานประกอบการเพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเหมาะสมกับคนพิการ (2) การรับสมัครและคัดเลือกคนพิการตามคุณสมบัติของแต่ละหลักสูตร (3) การฝึกอบรมและฝึกงานเป็นระยะเวลา 6 เดือน ครอบคลุมทั้งทักษะอาชีพ ทักษะการทำงานและการใช้ชีวิต และสร้างประสบการณ์ทำงานจริง (4) การสนับสนุนการจ้างงานร่วมกับภาคีทั้งภาครัฐและเอกชน (5) ระบบพี่เลี้ยงเพื่อติดตามและให้คำแนะนำ และ (6) การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ผลกระทบ และประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งมหาวิทยาลัยเครือข่ายทั้ง 5 แห่งสามารถนำไปปรับใช้กับหลักสูตรของตนเองได้อย่างยืดหยุ่นและสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
โครงการนี้เปิดโอกาสให้คนพิการได้เลือกเส้นทางอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง ผ่านหลักสูตร 2 แนวทางหลัก ได้แก่ หลักสูตรเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในสถานประกอบการ ในส่วนของหลักสูตรอาชีพอิสระ สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้ด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น หลักสูตรการทำดอกไม้จันทน์ ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ไม่ได้สอนเพียงการผลิต แต่ยังสอนวิธีจำหน่ายและสร้างรายได้ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ มจธ. ยังมีบทบาทเป็น ‘พี่เลี้ยง’ คอยสนับสนุนและช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถหางานหรือเริ่มต้นอาชีพของตัวเองได้จริง โดยตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการไม่ได้พิจารณาเพียงจำนวนผู้เข้าอบรม แต่ยังให้ความสำคัญกับรายได้ที่เกิดจากการจ้างงานและการประกอบอาชีพอิสระ ผลลัพธ์จากรุ่นแรกที่มีผู้เข้าร่วม 300 คน พบว่า 84% สามารถประกอบอาชีพได้จริง แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับการจ้างงานในสถานประกอบการตามมาตรา 33 จำนวน 9 คน ทำงานภายใต้เงื่อนไขมาตรา 35 จำนวน 31 คน และอีก 212 คนเลือกประกอบอาชีพอิสระ โดยมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนการประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเอง ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพของโครงการที่ช่วยเสริมทักษะและสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนพิการอย่างเป็นรูปธรรม
จากความสำเร็จระยะที่ 1 ส่งผลให้เกิดการทำงานโครงการฯ ในระยะที่ 2 ซึ่งมุ่งขยายผลในระดับประเทศ โดยมีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือโครงการนำร่องการสนับสนุนให้สถานศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพของคนพิการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ ระยะที่ 2 ระหว่างกระทรวง พม. กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเชื่อมโยงการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือภาครัฐ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการอย่างเป็นระบบ รวมถึงการมุ่งสร้างระบบฝึกอบรมที่เข้าถึงง่าย รองรับความต้องการที่หลากหลาย และเปิดโอกาสให้คนพิการได้รับการพัฒนาทักษะอย่างครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทำงาน มีอาชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพิ่มเติม 2 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เข้ามาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการในระยะที่ 2
ดร.อรกัญญาณี กล่าวทิ้งท้ายถึงโครงการระยะที่ 2 ว่าเป็นก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการอย่างเป็นระบบ สร้างระบบฝึกอบรมที่เข้าถึงง่ายและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้คนพิการได้พัฒนาทักษะ มีงานทำ และมีอาชีพที่มั่นคง ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือระยะสั้น แต่เป็นการวางรากฐานให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีความเท่าเทียม และมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สอดคล้องกับแนวทาง “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ของรัฐมนตรี กระทรวง พม. และหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของประเทศไทย”