ตำรวจแค้นแม่ค้าทวงเงินค่าทุเรียนภูเขาไฟกระโดดถีบหน้าแม่ค้าดั้งหัก
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ฑิตยา บุญพามี อายุ 27 ปี และนางเกษร วงค์บา อายุ 53 ปี ได้นำเอาหลักฐานการแจ้งความดำเนินคดีกับ ดาบนนท์ (นามสมมุติ) ตร.สภ.เมืองศรีสะเกษ และหลักฐานการรักษาพยาบาลเข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่ถูก ดาบนนท์ สวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศกระโดดถีบหน้าที่ร้านกาแฟภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง และขณะนี้ดาบนนท์ยังคงแวะเวียนมาข่มขู่ จนทำให้ นางเกษร ต้องไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเกรงว่า อาจจะโดนดาบนนท์ทำร้ายร่างกาย โดยนำเอาคลิปวีดีโอที่โดนดาบนนท์ถีบหน้ามาให้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบและนำไปตรวจสอบดูสถานที่เกิดเหตุภายในร้านกาแฟที่โดนดาบนนท์กระโดดถีบหน้าจนทำให้ น.ส.ฑิตยา ได้รับบาดเจ็บดั้งจมูกหักและคางแตก เนื่องจากว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ฑิตยา ได้ไปเสริมความงามที่บริเวณใบหน้ามาแล้ว
น.ส.ฑิตยา บุญพามี เหยื่อตำรวจท๊อปบู๊ทโหด กล่าวว่า เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนและกลางเดือน ส.ค. 2566 ดาบนนท์ หรือตานนท์ (นามสมมุติ) ตร.สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้มาใช้เครดิตเซ็นทุเรียนภูเขาไฟของตนไปจำนวน 2 ลูก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,350 บาท และบอกกับตนว่าจะจ่ายเงินช่วงสิ้นเดือนนี้ พอถึงวันที่ 28 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. ตนเห็นดาบนนท์เข้ามาที่ร้านกาแฟใกล้กับร้านขายทุเรียนภูเขาไฟของตน โดยดาบนนท์ ได้เปิดหน้าต่างร้านกาแฟออกมา ตนจึงเข้าไปทวงเงินค่าทุเรียนกับดาบนนท์ที่บริเวณหน้าต่างร้านกาแฟ ซึ่ง ดาบนนท์ได้ยื่นเงินให้ตน จำนวน 1,000 บาท แล้วบอกว่า หายกันแล้วนั้น แต่ตนไม่ยอมเพราะว่า ยังขาดเงินค่าทุเรียนอยู่อีกจำนวน 350 บาท จึงทวงเงินอีก ทำให้ดาบนนท์โกรธมากและด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนจึงได้ด่าคืนไปทำให้ดาบนนท์โกรธมาก และใช้เท้าถีบเข้าที่หน้าของตนทำให้ตนเซถลา จนเกือบจะล้มลง ตนจึงได้รีบวิ่งเข้าไปในร้านกาแฟเพื่อจะถามดาบนนท์ว่า ถีบหน้าตนทำไม แต่ปรากฏว่า ดาบนนท์ได้ใช้มือลากเก้าอี้มาด้วยคล้ายกับจะใช้เก้าอี้ตีตน ดังนั้น ตนจึงได้วิ่งเข้าไปต่อสู้กับดาบนนท์เพื่อป้องกันตนเอง และต่อมามีพนักงานของร้านกาแฟและเพื่อนของตนมาแยกออกจากกัน ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณดั้งจมูกหักและคางแตก ตนจึงได้ไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.วีรวิชญ์ ศรีโพนดวน ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับ ดาบนนท์ ตร.สภ.เมืองศรีสะเกษต่อไป
น.ส.ฑิตยา เล่าต่อไปว่า ต่อมาในวันนี้ (31 ส.ค.66) ตนได้รับการประสานงานจาก ร.ต.อ.วีรวิชญ์ ศรีโพนดวน ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ แจ้งว่าให้ตนไปตกลงเจรจาค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล ตนพร้อมด้วยแม่คือ นางเกสร วงค์บา จึงได้เดินทางไปพบกับพนักงานสอบสวนและพบกับ ดาบนนท์ โดยตนได้นำเอาใบค่ารักษาพยาบาลที่จะต้องเสริมจมูกดั้งใหม่ และเสริมคางที่แตก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท และค่าเสียโอกาสในการทำมาหากินเพราะว่าต้องพักรักษาตัวนานหลายวัน โดยคิดค่าเสียหายวันละ 3,000 บาท รวมเป็นเงินทั้ง 90,000 บาท ไปให้พนักงานสอบสวน และดาบนนท์ ได้พิจารณาค่าเสียหาย ซึ่งปรากฏว่า ดาบนนท์ ได้ยินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตน จำนวน 50,000 บาท และได้นัดหมายจะจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีกภายในวันที่ 15 ก.ย.2566 ซึ่งเรื่องนี้ตนรู้สึกเสียใจมากที่โดนเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองศรีสะเกษถีบหน้า เป็น ตร.แทนที่จะดูแลช่วยเหลือประชาชนกลับใช้กำลังทำร้ายประชาชน แล้วแบบนี้ประชาชนจะหันไปพึ่งพาอาศัยใครได้ ตนร้องทุกข์กับสื่อมวลชนเนื่องจากเกรงว่า อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องนี้ เพราะว่า ผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการตำรวจนั่นเอง
แม่ของเหยื่อ ตร.โหด กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเห็นเหตุการณ์ตลอด และตนได้ร้องตะโกนบอกลูกสาวว่า ระวังด้วยเพราะว่า เห็นดาบนนท์ถือเก้าอี้ไปด้วยเหมือนกับจะใช้เก้าอี้ตีลูกสาวของตน เรื่องนี้ตนเสียใจมากที่ลูกสาวโดนทำร้ายร่างกายจาก ตร.ที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ตนขอให้ผู้บังคับบัญชาของดาบนนท์ ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาสถานหนักด้วย เพื่อเป็นไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
น.ส.เหมียว (นามสมมุติ) พนักงานร้านกาแฟที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และเห็นว่า กำลังจะมีการทะเลาะวิวาทกัน ตนรู้จักทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งเกรงว่า ทรัพย์สินของทางร้านจะได้รับความเสียหาย ดังนั้น จึงได้ตัดสินใจรีบเข้าไปห้ามไม่ให้มีการทะเลาะกัน และสามารถห้ามปรามได้
ทางด้าน พ.ต.อ.ณัฐกิติ์ เจริญเกษสุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนจะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายกับ ตร.ที่ก่อเหตุอย่างเร่งด่วน เนื่องจากว่า เป็นการกระทำที่ผิดวินัยและผิดกฎหมายอาญา ซึ่งตนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายตามพยานหลักฐานที่ปรากฏอย่างเต็มที่
ข่าว/ภาพ …. บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ