ขยายผลจับยาจากกองทรายถึงเสาไฟฟ้า ขายยาบ้าตัดราคากัน 5 บาทกว่า กับ 6 บาทกว่า สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตามรวบทั้งหมด
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 เวลาต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 07.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน , นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน , นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอเวียงสา , นายจวน จันเครื่อง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุเอ็ด พิมทอง รอง ผกก ป.รรท.ผกก.สภ.เวียงสา จว.น่าน จนท.ตร.สภ.เวียงสา และสมาชิก อส.อ.เวียงสา จำนวน 10 นาย ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นบุคคลคาดว่าน่าจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดน่าน ภายหลังจากการตรวจสารเสพติดในร่างกายแล้วจึงได้เข้าตรวจค้นภายในบ้านเพิ่มเติมเพราะคาดว่าอาจจะยาเสพติดไว้ในครอบครอง ผลการตรวจค้นบ้านและบริเวณรอบบ้านผู้ต้องสงสัยพบถุงสีขาว จำนวน 3 ถุง และถุงสีดำ จำนวน 1 ถุง ซุกซ่อนอยู่ในกองทรายในเขตบริเวณบ้านผู้ต้องสงสัย จึงได้ทำการเปิดถุงต้องสงสัย พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทเอมเฟตามีน) จำนวนยาเสพติดรวมประมาณ 8,000 เม็ด จึงได้ยึดของกลางไว้เป็นหลักฐานและนำตัวผู้ต้องสงสัยส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา พร้อมได้ขยายผลการจับกุมพบว่ามีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้อาศัยบ้านเช่าแห่งหนึ่ง บริเวณใกล้กับสนามบินน่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเวียงสา จึงประสานข้อมูลมายัง จนท.ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน โดยมี พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผบก.ภ.จว.น่าน พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองน่าน พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงศ์ไชย รอง.ผกก.สส.พร้อมด้วย จนท.ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน หลังรับการประสานข้อมูล จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงปากซอย พบผู้ต้องสงสัยขับรถออกมาพอดี จึงทำการควบคุมตัว 2 สามีภรรยาตามที่ได้ประสานข้อมูลมาเพื่อขยายผลต่อ
โดยทั้ง 2 สามีภรรยาได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และให้ข้อมูลว่ามีขบวนการค้ายาบ้ารายใหญ่อยู่ที่บ้านปางเป๋ย ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน สามารถสั่งซื้อเยอะขนาดไหนก็ได้ขอแค่มีเงิน โดยนายทู ขายยาบ้าในราคาเม็ดละ 6.50 บาท จึงให้ 2 สามีภรรยาทำการล่อซื้อยาบ้ากับนายทู จำนวน 8,000 เม็ด ในราคา 52,000 บาท โดยนายทูนัดส่งมอบยาบ้าให้บริเวณ ทางเข้าหมู่บ้านปางเป๋ย เมื่อถึงเวลา นายทูได้นำยาบ้าจำนวน 8,000 เม็ดมาส่งมอบให้สายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุม นายทูได้ยอมรับสารภาพว่าค้ายาเสพติดจริง จึงนำตัวพร้อมของกลาง ส่งดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน โดยนายทูเปิดเผยข้อมูลว่ารับยาบ้าต่อมาอีกที โดยรับมามัดละ (2,000 เม็ด) 12,500 บาท นำมาขายต่อมัดละ (2,000 เม็ด 13,000 บาท ได้กำไรเพียง 500 บาท
ส่วนที่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ได้รับข้อมูลจากสายลับว่า นายศิลา อยู่ที่บ้านดอยติ้ว อำเภอท่าวังผา ชอบมาเที่ยวร้านคาราโอเกะบริเวณถนนหน้าสนามบินน่านนคร และนำยาบ้าจากต่างอำเภอมาขายตัดราคาคือ ปกติราคาเม็ดละ 6.50 บาท แต่นายศิลา ขายราคาเม็ดละ 5.50 บาท เจ้าหน้าที่จึงให้สายลับทำการล่อซื้อยาบ้าจากนายศิลา จำนวน 14,000 เม็ด ในราคา 80,000 บาท
เมื่อถึงเวลา นายศิลาได้นำยาบ้าจำนวน 14,000 เม็ดมาซุกซ่อนบริเวณเสาไฟฟ้าทางเข้ามหาลัยชื่อดังในตำบลผาสิงห์อำเภอเมืองน่าน แล้วโทรบอกให้สายลับมารับยาบ้า ส่วนนายศิลาได้ไปนั่งดื่มเหล้าร้องคาราโอเกะ อยู่ร้านคาราโอเกะฉลองเงินได้จาการค้ายา พร้อมแจกทริปนักร้องไม่อั้น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปรวบตัวได้ขณะกำลังร้องคาราโอเกะ ค้นตัวพบปืนไทยประดิษฐ์และกระสุนบรรจุอยู่ในรังเพลิงพร้อมใช้งาน นายศิลายอมรับว่าเป็นยาบ้าของตนจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองน่านดำเนินคดีตามกฏหมาย ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงษ์สินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อของรัฐบาล แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดน่านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินจับกุมตัวผู้กระทำผิดและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ในเบื้องต้นก็ขอฝากมายังพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า ขบวนการค้ายาเสพติด มีปลายทางก็ต้องมีต้นทาง ส่วนผู้ครอบครองทางเราก็ดำเนินคดีอยู่แล้ว ยังไงก็ขอฝากพ่อแม่พี่น้องประชาชนแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน หรือสถานีตำรวจใกล้บ้าน ทางเราจะดำเนินการสืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการผู้ค้ายาเสพติดมาเำเนินการตามกฏหมาย ต่อไป
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน