ประเทศไทยเตรียมพร้อม “การยื่นประมูลสิทธิ์ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมประจำปี UCCN Annual Conference 2025”

ประเทศไทยเตรียมพร้อม “การยื่นประมูลสิทธิ์ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมประจำปี UCCN Annual Conference 2025”

วันที่ 3 สิงหาคม 2566 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม ,จังหวัดเชียงใหม่ ,องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และกลุ่มเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าว “การยื่นประมูลสิทธิ์ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมประจำปีของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์องค์การยูเนสโก ครั้งที่ 17 พ.ศ. 2568 (UCCN Annual Conference 2025) จังหวัดเชียงใหม่” โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการ TCEB และ CEA นายจิรุตถ์อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และ ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมแถลงข่าว ณ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก

สำหรับการเสนอของประเทศไทยในนามจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมฯ ถือเป็นโอกาสพิเศษในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโกจากทุกสาขาทั่วโลก และการกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเมืองสร้างสรรค์ต่าง ๆ ร่วมกัน ภายใต้จุดประสงค์ในการนำอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และวัฒนธรรมมาเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ โดยปัจจุบันมีเมืองสร้างสรรค์ในเครือข่ายยูเนสโก จำนวน 7 สาขา รวมทั้งสิ้น 295 เมือง

ทั้งนี้ เชียงใหม่ในฐานะเมืองสร้างสรรค์ สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Art) และ 1 ใน 5 เมืองสร้างสรรค์ของประเทศไทย (กรุงเทพฯ ภูเก็ต สุโขทัย และเพชรบุรี) ของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโกได้ทำการยื่นประมูลสิทธิ์จัดการประชุมภายใต้หัวข้อ Enhancing Multicultural Transformation การยกระดับคุณค่าจากต้นทุนด้านศิลปวัฒนธรรมบนพื้นฐานของเมืองพหุวัฒนธรรมดั้งเดิมสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีความร่วมสมัยในปัจจุบัน เพื่อนำเสนอความหลากหลายทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เติบโตและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยพลวัตดังกล่าวยังถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชียงใหม่กลายเป็นจุดหมายสำคัญที่ได้รับการยอมรับจากทั้งนักท่องเที่ยวและ Digital Nomadจากทั่วโลกอีกด้วย

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวย้ำถึงบทบาทของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากด้วยมิติทางวัฒนธรรม และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมให้มีความพร้อมต่อการแข่งขันในตลาดโลก รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และการสร้างสรรค์งานด้านศิลปวัฒนธรรมในระดับนานาชาติ “กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมบูรณาการกับเมือง หรือหน่วยงานระดับท้องถิ่นต่างๆของประเทศไทยเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เช่นเดียวกับ ที่ได้มีความร่วมมือระหว่างTCEB, CEA และหน่วยงานส่วนภูมิภาคของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นประมูลการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมประจำปีเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก”

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “จังหวัดเชียงใหม่มีความหลากหลายทั้งในแง่ของโอกาสและศักยภาพทางด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ประเพณี สถาปัตยกรรม ศิลปหัตถกรรม และทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ เรายังได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงาน Chiang Mai Crafts Forum ในปี 2562 และ Chiang Mai Creative Cities Network Forum ในปี 2564 ที่สำคัญ นอกจากสถานะของการเป็นมืองสร้างสรรค์สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านที่เราได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 2560 เชียงใหม่ยังถือเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องในระดับสากลอีกมากมาย ทั้งการเป็นเมืองหัตถกรรมโลn WWC World Craft Cities และเมืองแห่งการเรียนรู้ UNESCO Learning Cities ในปี 2564 รวมถึงเมืองแห่งเทศกาลโลก World Festival and Event City ในปี 2565 และเมื่อพิจารณาถึงการที่เมืองเป็นศูนย์กลางการเดินทาง และมาตรฐานของโรงแรมที่พักที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกได้ เชียงใหม่จึงมีความพร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ครั้งนี้”

นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าในฐานะที่ อบจ. เชียงใหม่ เป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการเมืองสร้างสรรค์เชียงใหม่ โดยล่าสุดยังได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ประเทศไทยเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จึงเห็นว่าหากเชียงใหม่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมฯ จะเป็นโอกาสสำคัญให้กับผู้คนในเมืองอย่างมาก “งานประชุมนี้จะเปิดโอกาสให้เมืองของเราได้นำเสนอศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในการต่อยอดคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมสู่เวทีโลก”

ทั้งนี้ รองนายก อบจ. เชียงใหม่ยังย้ำอีกว่า ในฐานะที่เชียงใหม่เป็น ‘นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม’ จึงได้มีการวางกรอบแนวคิดในการจัดงานประชุม ด้วยการนำเสนอวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมถึงการต่อยอดต้นทุนทางวัฒนธรรมจากอดีตสู่ปัจจุบัน และที่สำคัญคือการนำเสนอสิ่งดีงามของไทยให้ต่างชาติได้รับรู้ด้วยความภาคภูมิใจ

ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และประธานกรรมการสำนักงานส่งสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) กล่าวว่า “เชียงใหม่ถือเป็น MICE City หรือเมืองศูนย์กลางแห่งการจัดประชุมและนิทรรศการ ซึ่งครบพร้อมด้วยสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการจัดประชุมโรงแรมที่พักมาตรฐานสากล และแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติ ทุกฝ่ายจึงเล็งเห็นว่าเชียงใหม่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมฯ ด้วยประการทั้งปวง ขณะเดียวกัน การจัดประชุมครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นการพัฒนาเมืองและพัฒนาประเทศตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างเมืองต่างๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความยั่งยืนจากสินทรัพย์เชิงสร้างสรรค์ที่เมืองแห่งนี้มีอยู่อย่างเต็มที่”

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เน้นย้ำถึงพันธกิจของ TCEB ในการประมูลสิทธิ์ให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพงาน MICE ระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านอุตสาหกรรมการจัดประชุมและนิทรรศการของรัฐบาล โดยการประมูลเพื่อขอเป็นเจ้าภาพการประชุม UCCN Annual Conference 2025 นี้ยังอยู่ภายใต้โครงการ ‘One Ministry, One Convention’ หรือการให้กระทรวงต่างๆและพันธมิตรเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมนานาชาติอีกด้วย “ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีการยื่นเอกสารขอประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม ฯ เสนอแก่สำนักเลขาธิการเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์องค์การยูเนสโกไปแล้ว ภารกิจที่สำคัญต่อจากนี้คือ การเตรียมการนำเสนอประเทศไทยต่อคณะกรรมการที่เมืองอิสตันบูล.ประเทศตุรกี ในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้”

ด้าน ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) กล่าวปิดท้ายว่า CEA ในฐานะผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยสู่เวทีโลก ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาและต่อยอดเมืองสร้างสรรค์ของไทยที่อยู่ภายใต้เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก ผ่านการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ

“เราได้ยื่นขอประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมภายใต้หัวข้อ Enhancing Multicultural Transformation โดยมุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิด 3 B อันประกอบด้วย BRIDGE หรือสะพานที่เชื่อมคุณค่าจากรากเหง้าดั้งเดิมสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ยุคใหม่ BLEND การผสมผสานคุณค่าทางพหุวัฒนธรรมเข้ากับเครือข่ายความร่วมมือในระดับนานาชาติ และ BUILD การสร้างเครื่องมือและความร่วมมือระดับนานาชาติเพื่อสร้างโอกาสใหม่ สร้างความพร้อมต่อการแข่งขัน และการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคตแก่ผู้คนในเมืองเชียงใหม่” ดร. ชาคริตกล่าว

ทั้งนี้ นอกเหนือการขับเคลื่อนการเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโกของประเทศไทย และการประชาสัมพันธ์ศักยภาพของประเทศไทยสู่เวทีโลก ยังมีการคาดการณ์ว่าหากเชียงใหม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้กว่า 125.86 ล้านบาท และเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้าถึงการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อันเกิดจากการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก รวมถึงยังสอดคล้องกับพันธกิจของกระทรวงวัฒนธรรมที่ต้องการเผยแพร่งานด้านศิลปวัฒนธรรมของไทย พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์กับต่างประเทศผ่านมิติทางวัฒนธรรมอีกด้วย

You May Have Missed!

1 Minute
กิจกรรมเพื่อสังคม
ไม่สนคำ ว่าทำบุญเอาหน้า…เสี่ยเดย์ นักบุญเจ้าเดิมช่วยการศึกษาอีกกว่า 3 ล้าน
0 Minutes
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 53 ปี ชูแนวคิด ทุ่มเทอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างประสบการณ์สุขภาพที่เหนือชั้น เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มการยอมรับและมั่นใจกับผู้มารับบริการ
0 Minutes
โรงพยาบาล
สำนักงานเลขานุการ (กลุ่มงานนิติการ) สำนักการแพทย์ ประชุมคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ครั้งที่ 3/2567
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
วว. ผนึกกำลัง KUST ประเทศจีน จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีนานาชาติ มุ่งใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม จัดการความท้าทายด้านภัยพิบัติ/เหตุฉุกเฉิน