ชาวบ้านทับสะแกถือป้ายค้านทุนใหญ่ใช้พื้นที่ 300 ไร่ ป่าสนเหมืองแร่ร้างทำฟาร์มโคเนื้อส่งออก
วันที่ 12 มิถุนายน ชาวบ้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมตัวริมถนนพชรเกษม – เหมืองแร่ บริเวณป่าสนเหมืองแร่ ต.นาหูกวาง เพื่อถือป้ายประท้วงโครงการฟาร์มโคเนื้อขนาดใหญ่ เพื่อรอการส่งออกผ่านท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพานไปยังประเทศจีน ซึ่งใช้พื้นที่ป่าสนเหมืองแร่ทำโครงการ คาดว่าจะมีนายทุนใช้พื้นที่เลี้ยงโคเนื้อจำนวนมาก ทำให้วิตกว่าจะมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม กระทบกับการท่องเที่ยวเนื่องจากป่าสนเหมืองแร่ควรได้รับการพัฒนาเป็นป่าเพื่อการอนุรักษ์ มากกว่าการตัดทำลายต้นสนเก่าแก่เพื่อทำฟาร์มเลี้ยงโค
นอกจากนั้นการเข้ามาของโครงการขนาดใหญ่จะทำให้คนในชุมชนมีความขัดแย้งเหมือนกับหลายโครงการในอดีต ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า ก่อนที่จะนำโครงการใดเข้ามาในพื้นที่ขอให้ผู้นำชุมชน ผู้มีอำนาจ ควรคำนึงถึงผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์จากกลุ่มนายทุน
นายอานนท์ โลดทนงค์ รองประธานสภาเกษตร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วย ตัวแทนจากสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด ตัวแทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) นาหูกวาง อ.ทับสะแก ร่วมกันสำรวจพื้นที่ 300 ไร่ในป่าสนเหมืองแร่ร้างของกรมป่าไม้ที่ ต.นาหูกวาง เพื่อใช้ประโยชน์สร้างฟาร์มโคเนื้อมาตรฐานก่อนทำการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศผ่านท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน เพื่อแก้ปัญหาโคเนื้อล้นตลาดและราคาตกต่ำในขณะนี้
นายอานนท์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิด การเดินทางไปดูพื้นที่ ต้องการไปดูความเหมาะสม ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องใช้พื้นที่ป่าสนทำโครงการตามที่สภาเกษตรแห่งชาติกับสภาเกษตรจังหวัดมีแนวทางในการช่วยเหลือผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศที่ประสบปัญหาตั้งแต่มีการระบาดของโควิดทำให้ราคาตกต่ำยืนยันว่าการทำโครงการนี้ สภาเกษตรจังหวัดไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆกับนายทุน แต่การทำโครงการจะต้องประเมินผลกระทบหลายด้าน มีการทำประชาคมหมู่บ้าน มีการทำประชาพิจารณ์กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ซึ่งในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 สภาเกษตรฯได้เชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมประชุมหารือแนวทางการทำโครงการที่ห้องประชุมสำนักงาน อบต.นาหูกวาง
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน