แซดทีอีจับมือเอไอเอส เปิดตัวแท็บเล็ตเอไอ 3 มิติโดยไม่ต้องสวมแว่นครั้งแรกของโลก พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจในงาน MWC ประจำปี 2566
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ร่วมมือกับเอไอเอส (AIS) ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณมือถือรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อร่วมกันประกาศเปิดตัวแท็บเล็ตเอไอ 3 มิติครั้งแรกของโลก นูเบีย แพด ทรีดี (nubia Pad 3D) ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 (Mobile World Congress 2023)
อุปกรณ์เชิงนวัตกรรมดังกล่าวนี้มีเทคโนโลยีฝังในตัวที่เอื้อให้รองรับประสบการณ์การโทร การสตรีม และการเล่นเกม 3 มิติที่สมจริงโดยไม่ต้องใส่แว่น รวมไปถึงการแชร์คอนเทนต์และแอปพลิเคชันการสร้างสรรค์
ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ โดยเอไอเอสและแซดทีอีมีความตกลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม เพื่อยกระดับความร่วมมือในผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรม เพื่อประโยชน์ของระบบนิเวศผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่าย ในการนี้ แซดทีอีจะทำงานกับเอไอเอสเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ในประเทศไทย ส่วนเอไอเอสจะรับรองตำแหน่งทางการตลาดของแซดทีอีในฐานะคู่ค้าที่มีคุณค่าในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลรายหลักของเอไอเอสในประเทศไทย โดยทั้งคู่จะร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการสื่อสารของไทย
คุณหนี่ เฟย ( Ni Fei) รองประธานอาวุโส แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น และประธานของแซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส (ZTE Mobile Devices) กล่าวว่า “แซดทีอีดำเนินการอย่างจริงจังในการขยายแผนงานด้านสภาวการณ์แบบหลายระบบนิเวศ ตลอดจนการทำงานร่วมกับเอไอเอสเพื่อนำผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมพร้อมประสบการณ์คุณภาพสูงไปสู่ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นในทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติใหม่นี้ ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ 3 มิติที่ท่วมท้นและเป็นธรรมชาติได้โดยไม่ต้องสวมแว่น”
คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร ( CEBO) ของเอไอเอส ระบุว่า “ในฐานะผู้ให้บริการชีวิตดิจิทัลที่มีสเปคตรัม 5G มากที่สุดในประเทศไทย พันธกิจของเราคือการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ยอดเยี่ยมผ่านบรอดแบนด์มือถือและบ้าน (ไฟเบอร์ 100%) แก่ประชาชนไทย การทำงานร่วมกับแซดทีอีในฐานะคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ทั้งในด้านเครือข่ายและอุปกรณ์เป็นการเติมเต็มให้กับนโยบายดังกล่าวนี้อย่างชัดเจน”
นูเบีย แพด ทรีดี เปี่ยมล้นไปด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนาร่วมกันโดยแซดทีอีกับผู้พัฒนาระบบ 3 มิติโดยไม่ต้องสวมแว่นชั้นนำระดับโลกอย่างเลอา อิงค์ (Leia Inc.) มาพร้อมกับเทคโนโลยีไลต์ฟีลด์ (lightfield) 3 มิติที่ไม่เหมือนอื่นใดของเลอา ประกอบกับขุมพลังการประมวลผลด้วยเอไออันล้นเหลือเพื่อปรับให้สอดรับกับหลากหลายสภาวการณ์การประยุกต์ใช้งานแบบ 3 มิติ ทำให้รองรับระบบติดตามใบหน้าด้วยเอไอ (AI Face-Tracking) ซึ่งสามารถรองรับมุมมองที่สมบูรณ์แบบ (สูงสุด 8 มุมมองแบบไลต์ฟีลด์) ได้แบบเรียลไทม์ การแปลงเนื้อหาจาก 2 มิติเป็น 3 มิติด้วยเอไอแบบเรียลไทม์ คอนเทนต์ 3 มิติโดยเอไอถ่ายด้วยกล้องหน้าหรือกล้องหลัง ตลอดจนสามารถใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน 3 มิติเอไอยอดนิยมสำหรับการสร้างสรรค์ทางศิลปะ นูเบีย แพด ทรีดี มาพร้อมกับหน้าจอ 2.5K ขนาด 12.4 นิ้วและลำโพงแบบสมมาตรในสี่มุมพร้อมระบบเสียงเซอร์ราวด์ของดอลบี (Dolby) เพื่อมอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่สมจริงอย่างดื่มด่ำ ด้วยระบบนิเวศคลังคอนเทนต์ 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อุปกรณ์ดังกล่าวนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานวิดีโอแชทแต่งเติมแบบ 3 มิติเป็นครั้งแรกของโลก โรงภาพยนตร์ส่วนตัว 3 มิติ เกมสมจริง 3 มิติ ตลอดจนสภาวการณ์อื่น ๆ ด้วยชิปเซ็ทซีรีส์สแนปดรากอน 8 (Snapdragon 8) นูเบีย แพด ทรีดี โดดเด่นในแง่ของสมรรถนะ อีกทั้งยังพร้อมมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยกระดับในทุกมิติด้วยแบตเตอรี่ขนาด 9070mAh และที่ชาร์จเร็วขนาด 33W
นูเบีย แพด ทรีดี จะเปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ของเอไอเอส
ก่อนหน้านี้ เอไอเอสได้ทำงานร่วมกับแซดทีอีในหลายโครงการ ในเดือนมีนาคม 2565 แซดทีอีและเอไอเอสได้ทำงานร่วมกันร่วมกับควอลคอมม์ (Qualcomm) เพื่อดำเนินการทดสอบการเชื่อมต่อแบบคู่สำหรับคลื่นมิลลิเมตร (mmWave) 5G (NR-DC) ด้วยซับ-6G (sub-6G) และคลื่นความถี่สูง 26 GHz เป็นครั้งแรกของโลก ในเดือนมิถุนายน 2565 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามความตกลงการร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างเครือข่าย 5G ระดับสูงเป็นครั้งแรกของไทย โดยการลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวนี้เป็นหมุดหมายของความก้าวหน้าครั้งใหม่สำหรับเอไอเอสและแซดทีอีในด้านผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เชิงนวัตกรรมสำหรับผู้บริโภค แซดทีอีและเอไอเอสจะร่วมมือกันในเชิงลึกในทั้งด้านบริการไปยังธุรกิจ (2B) และบริการไปยังผู้บริโภค (2C) รวมถึงการก่อสร้างเครือข่าย 5G การขยายการประยุกต์ใช้งานเชิงอุตสาหกรรมของ 5G และการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เชิงระบบนิเวศสำหรับผู้บริโภค เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย
