ยายพิการ 86 ปี ชีวิตโดดเดี่ยวมานับ 10 ปี ทุกข์หนักบ้านถูกยึด หลานหลอกเอาไปขาย แม่ทัพน้อยที่ 3 รุดช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจ
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประธาน อสม. ชุมชนบ้านหนองบัว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่ามียายวัยสูงอายุ และพิการไม่สามารถเดินได้ แต่ยังสามารถคลานช่วยเหลือตนเองได้ หุงหาทำอาหารเองทุกอย่าง พักอาศัยอยู่บ้านคนเดียวมาตามลำพังมานานหลายปี
ผู้สื่อข่าวได้ลงไปตรวจสอบ พบ นางเสวก พุฒเถื่อน อายุ 86 ปี พักอยู่ที่บ้านเลขที่ 575/60 ชุมชนบ้านหนองบัว ถนนสนามบิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก สภาพร่างกายพิการเดินไม่ได้เหมือนคนทั่วไป แต่ยังสามารถช่วยเหลือตนเอง ด้วยวิธีการคลานเคลื่อนไหวตนเอง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ อสม. คอยหมุนเวียนกันมาดู เนื่องจาก ยายเสวกอยู่บ้านเพียงลำพังไม่ใครดูแลเลย ต้องหุงหาทำอาหารเอง ตลอดเวลานานร่วม 10 ปี
นางวงเดือน สิงห์สาสุข ประธาน อสม. กล่าวว่า แต่ก่อนยายมีสภาพร่างกายสมบูรณ์เปิดร้านค้าขายอยู่กับสามี ต่อมาสามีเสียชีวิตไปกว่า 10 ปี จึงต้องเลิกกิจการมาอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว ร่างกายไม่แข็งแรงเพราะชราภาพ ทำให้ร่างกายพิการตามวัยที่อายุมากแล้ว ส่วนบ้านและที่ดิน ถูกหลานของสามีหลอกเอาไปจำนองตั้งสามียังไม่ตาย แต่ไม่รับผิดชอบ ทำให้ถูกธนาคารยึดบ้านและที่ดิน ส่วนหลานคนดังกล่าวไม่เคยมาเลย โชคดีมีพระคุณเจ้าไปพูดคุยกับธนาคาร ว่า ขอให้ยายเสวกอยู่ไปก่อน จนกว่าจะเสียชีวิต เพราะไม่รู้จะไปอาศัยอยู่ที่ไหน ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากธนาคาร ทำให้ยายเสวกอยู่ได้มาถึงปัจจุบัน และได้ขอความช่วยเหลือไปยังกองทัพน้อยที่ 3 ซึ่งอยู่ใกล้กับชุมชนหนองบัว
วันเดียวกัน ทาง พล.ท.อำนาจ ศรีมาก แม่ทัพน้อยที่ 3 พร้อมด้วย นางเกวลิน ศรีมาก ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองทัพน้อยที่ 3 ได้นำเจ้าหน้าที่พยาบาล และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันไปเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจ ยายเสวก พุฒเถื่อนถึงบ้านพัก ได้พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ มอบสิ่งของใช้ที่จำเป็นให้กับยายเสวก เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น หากมีความจำเป็นเดือดร้อนขาดเหลือเรื่องใด ขอให้แจ้งให้ทราบ ทางหน่วยทหารจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลช่วยเหลือในอนาคต นอกจากนั้น ทางแม่ทัพน้อยที่ 3 ได้เตรียมสิ่งข้าวสารอาหารแห้งไปมอบให้กับผู้ยากไร้ และผู้สูงอายุในเวลาเดียวกันด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนรอบค่าย จำนวน 8 ชุมชน จำนวน 85 ครอบครัว สร้างความยินดีกับผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งเป็นอย่างมาก
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว