พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 13 มอบนโยบายตำรวจทั่วประเทศ
เน้นเป็นตำรวจมืออาชีพทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน
วันที่ 1 ต.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดวิสัยทัศน์และค่านิยมหลัก มุ่งเน้นการสร้างองค์กรตำรวจให้เป็น “องค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”โดยมอบ นโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 10 ข้อตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการตำรวจชาติคนใหม่ปลูกฝังและเสริมสร้างให้ข้าราชการตำรวจมีค่านิยมดังนี้
1 พิทักษ์และเทิดทูนสถาบันศาสนาและพระมหากษัตริย์
2 เป็นมืออาชีพทำงานเชิงรุกรับฟังและแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน
3 ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักนิติธรรมและคุณธรรม 4 เป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน
คำว่า”ตำรวจมืออาชีพ”ต้องมีความแม่นยำกฎหมาย,ระเบียบ,เชี่ยวชาญยุทธวิธีและเทคโนโลยี.มีบุคลิกภาพ และ ทักษะการสื่อสารที่ดี,มีจริยธรรมประจำใจ ,ทำงานเชิงรุกพบปะประชาชนและเพิ่มช่องทางการรับฟังปัญหา,แสวงหาความร่วมมือจากทุกภาค,ส่วนเตรียมการและวางแผนก่อนเกิดเหตุ,ถอดบทเรียนและสร้างต้นแบบการปฏิบัติ,เพื่อความสงบสุขของประชาชน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินบังคับใช้กฎหมาย”ด้วยความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว”
10 นโยบายการบริหารราชการของผู้บัญชาการแห่งชาติ เพื่อให้การบริหารงานของสำนักงานแห่งชาติบรรลุผลสำเร็จมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลสานต่อนโยบายของ ตร.ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการสำนักงานแห่งชาติประจำปีงบประมาณพ.ศ.2566 ดังนี้
1.พิทักษ์เทิดทูนและเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
2.เสริมสร้างภาพลักษณ์ในการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ
3. แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล
4.แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติอย่างเป็นระบบโดยบูรณาการกับทุกภาคส่วน
5.เพื่อการมีส่วนร่วมระหว่างตำรวจกับประชาชนโดยเปิดช่องทางรับฟังปัญหาและข้อเสนอจากประชาชน
6.พัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างให้กำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจ
7.พัฒนาองค์กรความรู้ข้าราชการตำรวจทุกสายงานโดยมุ่งเน้นการฝึกอบรมทบทวนยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง
8.พัฒนาระบบฐานข้อมูลแนะนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้
9.ปรับปรุงระเบียบกฎหมายให้สอดคล้องกับการทำงานของตำรวจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
10.เสริมสร้างโดยวินัยควบคุมดูแลความประพฤติและป้องกันไม่ให้ข้าราชการตำรวจชอบเกี่ยวข้องกับการทุจริต
สำหรับภารกิจเร่งด่วนเพื่อประชาชน
1.ยาเสพติด
2.อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.ยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ
สำหรับภารกิจเร่งด่วนด้านยาเสพติดจากข้อมูลเมื่อปีพ.ศ 2562 พบว่ามีจำนวนผู้ชายเสพติดยาเสพติดทุกชนิดทั่วประเทศรวม 3.75 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 7.45 เปอร์เซ็นของประชากรมีผู้เข้ารับการบำบัดจำนวน 132,000 คน ยังมีผู้ใช้ผู้เสพผู้ติดยาเสพติดที่ไม่เข้ารับการบำบัดรักษาปราบคนอยู่กับบุคคลทั่วไปในชุมชนอีกประมาณ 3.6 ล้านคน และมีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 200,000 บาทคนโดยเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มุ่งเน้นการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและนโยบายรัฐบาลให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม มีความโปร่งใส และมุ่งมั่น ในการขับเคลื่อน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ 20 ปี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พ.ศ. 2561-2580)
สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กำกับ ดูแลและบริหารราชการ สั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนี้
1.งานจเรตำรวจ มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ
2.งานสืบสวนสอบสวน มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
3.งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มอบหมายให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
4.งานกฎหมายและคดี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
5. งานกิจการพิเศษ มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
6. งานความมั่นคง มอบหมายให้ พล.ต.อ. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
7.งานบริหาร มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็รช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
และแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.อาชายน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ทำหน้าที่เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) พร้อมทีมรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าได้กำหนดวิสัยทัศน์และค่านิยมหลัก มุ่งเน้นการสร้างองค์กรตำรวจให้เป็น องค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองมีเวลา 365 วัน แต่คิดว่าเราทำมาตลอดชีวิตราชการ ตอนนี้ได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ อยากให้ตำรวจทุกคนเห็นความทุกข์ร้อนของประชาชนเป็นหน้าที่ที่ต้องเข้าไปแก้ไขอย่างรวดเร็วและทันท่วงที เพื่อให้ตำรวจเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน
เอนก ธรรมใจ
รายงาน