“มนัญญา” หนุน อ.ส.ค. เพิ่มช่องทางตลาดนมไทย-เดนมาร์ค  ผ่านแพลตฟอร์ม “เกษตรผลิต  พาณิชย์ตลาด”ดันยอดขายในและตปท. 

มนัญญา หนุน อ.ส.ค. เพิ่มช่องทางตลาดนมไทย-เดนมาร์ค 

ผ่านแพลตฟอร์ม เกษตรผลิต  พาณิชย์ตลาดดันยอดขายในและตปท. 

 

            รมช.มนัญญา ดันรายได้ อ.ส.ค. และยกระดับรายได้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทย หนุน อ.ส.ค.ผนึกความร่วมมือองค์การคลังสินค้าเปิดช่องทางตลาดนมไทย-เดนมาร์คผ่านแพลตฟอร์ม เกษตรผลิต  พาณิชย์ตลาด‘ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ   

                 นางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์     รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวตามที่รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก โดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลใน 4 ด้านหลัก  เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ได้แก่ 1. ด้านข้อมูล 2.ด้านแพลตฟอร์มกลาง 3.ด้านการกำหนดคุณภาพ มาตรฐาน และตรวจสอบย้อนกลับ และ 4. ด้านการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดนั้น   ปรากฏว่า นม” เป็น 1ใน4 ที่เป็นสินค้านำร่องที่รัฐบาลได้วางเป้าหมายในการขับเคลื่อนการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ตั้งแต่การพัฒนาเกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกให้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศร่วมกับสินค้าอีก 3 ชนิดคือ  ข้าว ทุเรียนและกุ้งขาว

           กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุดได้มอบหมายให้ อ.ส.ค.ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมตราไทย-เดนมาร์ค ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต   โดยเร่งหาแนวทางในการผนึกความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาช่องทางตลาดในการสร้างความเข้มแข็งทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น   จากปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศมาอย่างยาวนานอยู่แล้วก็อยากให้ตลาดมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม    เพราะนอกจากจะช่วยให้ อ.ส.ค.มีรายได้มากขึ้นแล้วยังเป็นการช่วยยกระดับโคนมซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทยให้มีรายได้มั่นคง ยั่งยืนอีกทางหนึ่งด้วย”  

             ด้านนายสมพร  ศรีเมือง  ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า   เพื่อเป็นการสนองนโยบายดังกล่าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อเร็วๆนี้ อ.ส.ค.ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับองค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์    มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน การร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาเพื่อให้สอดรับแนวนโยบาย เกษตรผลิต  พาณิชย์ตลาด” เพื่อส่งเสริม ศึกษา พัฒนาและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุน การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในหน่วยงานออกจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศและกำหนดแนวทางและถ่ายทอดความรู้ด้านการผลิตอาหารสัตว์รวมถึงการจัดหาและการบริหารจัดการวัตถุดิบด้านอาหารเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในอนาคต

                 “ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา อ.ส.ค.ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น  โดยหันมาบุกตลาดออนไลน์ผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ Application Shopee และ Lazada   เพื่อลดช่องว่างระหว่างผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คกับผู้บริโภคให้สามารถซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก คล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งอัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง   การลงนาม MOU ระหว่างอ.ส.ค. กับ อ.ค.ส. ในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกมิติสำคัญในการเพิ่มช่องทางตลาดใหม่ๆ  ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้ อ.ส.ค.มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากขึ้นอย่างแน่นอน  จากปัจจุบันมีรายได้อยู่ประมาณ 9,500-10,000 ล้าน/ปี  นายสมพร  กล่าว  

               สำหรับนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เป็นโครงการที่ต้องการรวบรวมสินค้าเกษตร การันตีคุณภาพจากกลุ่มเกษตรกรที่คัดเลือกพิเศษโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับนำมาจำหน่ายผ่านแพลทฟอร์ม เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

You May Have Missed!

0 Minutes
การตลาด
ห้างโรบินสัน ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ชวนครอบครัวทั่วไทย ช้อปเลือกได้จอยทุกดีลกับ  “ส่วนลด หรือ ของสมนาคุณ” ในแคมเปญ “ROBINSON ช้อปแหลก แจกสนั่น ครั้งที่ 2”
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
วว. เยือนญี่ปุ่นหารือแนวทางสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอาหาร/เทคโนโลยีชีวภาพ
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
เปิดเทศกาล Thailand Craft Beer Week 2024 ดื่มด่ำรสชาติท้องถิ่น สัมผัสสปิริตชุมชน พบกัน 18 – 27 ต.ค. นี้
0 Minutes
โรงแรม
ฮ็อป อินน์ เตรียม Spin-off ตั้งเป้า 2030 ขยายสาขาเพิ่มอีก 3 ประเทศ ยกระดับขึ้นสู่เครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดในเอเซียแปซิฟิค