“ในหลวง” พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนสมณศักดิ์ พัดยศ ผ้าไตร
ถวายแด่พระเทพมงคลวัชโรดม หรือหลวงปู่แสง อายุ 102 ปี พรรษา 81 จังหวัดนครพนม
วันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 14.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีอัญเชิญสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พัดยศ และ ผ้าไตรพระราชทาน ถวายแด่พระเทพมงคลวัชโรดม (หลวงปู่แสง จันทวังโส) อายุ 102 ปี รวม 81 พรรษา พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่พุทธศาสนิกชนเคารพศรัทธา โดยมี นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชน เข้าร่วมพิธี
พระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) เป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ไม่ยอมประพฤติล่วงพระบัญญัติ แม้ในสิ่งที่ผู้อื่นโดยมากเห็นว่าเล็กน้อย เป็นผู้สำรวมในศีลให้บริสุทธิ์ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด จึงไม่มักง่ายในความเป็นอยู่ และเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน อันเปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตา โดยพระเดชพระคุณท่านอุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอายุ 102 ปี 81 พรรษา
มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงษ์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2463 วันแรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6) บิดาชื่อนายบุญจันทร์ มารดาชื่อนางสิงห์ เป็นชาวบ้านโพนตูม ต.ก้านเหลือง อ.นาแก โดยท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟ เพื่ออุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้กับคุณตาที่ล่วงลับ ณ วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน หมู่ที่ 5 ต.ก้านเหลือง มีพระครูนาครธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีสำราญจิตเป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณแล้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ลาสิกขา และพาเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น จังหวัดขอนแก่น,ร้อยเอ็ด จนถึงจังหวัดอุบลราชธานี และได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแก้ง อ.เขมราฐ เรื่อยมา
วันที่ 3 ตุลาคม 2482 ท่านอายุครบ 22 ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระดมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทได้มุ่งมั่นเล่าเรียนด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลิศจนสำเร็จการศึกษาแผนกธรรม ได้แก่ นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ อีกทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระเลขยันต์และวิทยาคมต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญ โดยท่านเป็นพระภิกษุผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย คอยเทศนาธรรมโวหารโปรดญาติโยมและชาวบ้านในละแวกอย่างสม่ำเสมอ
ต่อมาญาติโยมได้นิมนต์ท่านกลับบ้านเกิด เพื่อมาจำพรรษา ณ วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง และด้วยท่านเป็นพระที่มีความสมถะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน และในช่วงนั้นแถบเทือกเขาภูพานมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุม ท่านได้นำสมุนไพรที่มีอยู่ในป่าลึกแถบภูดงน้อย มารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านจนหายป่วย ภายหลังการสู้รบสงบลง จึงมีชาวบ้านและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก แวะเวียนมากราบไหว้และทำบุญไม่ขาดสาย
และด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและดูแลการเจ็บป่วยของชาวบ้าน จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร นามพระครูอุดมรังสี และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย รวมทั้งเป็นเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง และในปี 2564 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชมงคลวัชโรดม ล่าสุดทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พัดยศ ผ้าไตร เป็นพระเทพมงคลวัชโรดม
แม้พระเทพมงคลวัชโรดม (หลวงปู่แสง) ปัจจุบันจะมีอายุ 102 ปีแล้ว แต่สายตาท่านยังดี หูได้ยิน 1 ข้าง ชอบการสนทนา พูดคุยสนุกสนานติดตลก ไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบฉันเนื้อปลา นม มะละกอ กล้วยน้ำว้า และมะขามหวาน โดยท่านยังคงรับกิจนิมนต์เป็นปกติ และยังคงมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและวัตรปฏิบัติเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีลูกศิษย์สร้างกุฏิใหม่เป็นคอนกรีตติดตั้งแอร์อย่างดีถวาย ท่านก็ยังคงจำวัดอยู่กุฏิไม้ยกพื้นสูงหลังเดิมจนถึงปัจจุบัน
เทพพนม รายงาน