“สมเกียรติ” ลงพื้นที่เมืองกาญจน์เกาะติดนโยบายเร่งด่วน”บิ๊กป้อม”
จัดหาน้ำบาดาลรับมือภัยแล้งปี65ในพื้นที่5อำเภออีสานกาญจบุรี
วันที่ 28 ก.พ.65 ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมคณะได้เดินทางมาประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลางครั้งที่2/2465 พร้อมลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้างานด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลางโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พื้นที่ 500 ไร่ ภายใต้งบกลาง 2563บ้านหนองแก ม.5 ต.ทุ่งกระบำ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรีจากนั้นได้เดินทางต่อไปติดตามความก้าวหน้าโครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อนตำบลหัวยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ(กนช.)และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ 5 อำเภอ จังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ บ่อพลอย ห้วยกระเจา เลาขวัญ หนองปรือ และพนมทวนอย่างมาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสสูงที่จะเกิดฝนแล้งในช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/65 จึงได้มอบหมายให้ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งจัดการประชุมหารือเพื่อให้แนวทางและคำแนะนำแก่หน่วยงานในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำไปแก้ไขปัญหาอุปสรรค ให้หน่วยงานนำไปดำเนินการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มากที่สุด
ดร.สมเกียรติ กล่าวด้วยว่า พลเอกประวิตรยังได้มอบให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งดำเนินการจัดหาน้ำบาดาลให้กับประชาชนเพื่อทำการเกษตรในฤดูแล้งพร้อมทั้งมอบหมายให้ตนลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้างานกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และผลสัมฤทธิ์ของโครงการพื้นที่อำเภอเลาขวัญ และห้วยกระเจา ได้แก่ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พื้นที่ 500 ไร่ (งบกลางประจำปีงบประมาณ 2563) บ้านหนองแก หมู่ 5 ตำบลทุ่งกระบ่ำ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี สามารถสูบน้ำบาดาลขึ้นมาได้มากถึง 37 ลบ.ม./ชั่วโมง ได้ปริมาณน้ำกว่า 108,040 ลบ.ม./ปี ระบบกระจายน้ำ 3 กิโลเมตร พื้นที่การเกษตร 576 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 30 ราย ส่วนใหญ่การเพาะปลูกพืชตามความเหมาะสมของพื้นที่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ผักชี หม่อน พริก และหญ้าเนเปีย เป็นต้น สร้างรายได้กว่า 5,496,000 บาท/ปี และโครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อนตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
โดยโครงการดังกล่าวเป็น 1 ใน 15โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับไว้เป็นโครงการพระราชดำริ ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถผลิตน้ำต้นทุนได้ปริมาณกว่า 1,051,200 ลูกบาศก์เมตร/ปีประชาชนได้รับประโยชน์ 9 หมู่บ้าน จำนวน 4,989 คน หรือ 2,015 ครัวเรือน และมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 75 ราย พื้นที่การเกษตรรวม 880 ไร่ และยังขยายผลโครงการโดยการขยายแนวท่อส่งน้ำ โดยเทศบาลตำบลห้วยกระเจา ระยะทางรวม 5.2 กิโลเมตร จัดทำแผนการขยายแนวท่อกระจายน้ำ เชื่อมต่อไปยังตำบลวังไผ่โดยโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี และจัดทำแผนขับเคลื่อนโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มช่องทางการผลิตบริหารจัดการและเสริมสร้างความเข้มแข็งเกษตรกรในส่วนการแก้ปัญหาพื้นที่ 5 อำเภอแห้งแล้ง ได้แก่ อำเภอบ่อพลอย ห้วยกระเจา เลาขวัญ หนองปรือ และพนมทวน ซึ่งล่าสุดได้มีมติอนุฯ ครั้งที่ 4/2563 (18 ธ.ค.63) รับทราบแนวทางการแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 5 อำเภอของ จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วย
โครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี ปริมาณน้ำที่ผันทั้งหมด 256.5 ล้าน ลบ.ม./ปี (ผันและส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วงทั้งหมด) แบ่งเป็นน้ำเพื่ออุปโภคบริโภครวม 2.0 ล้าน ลบ.ม./ปี และปริมาณน้ำเพื่อการเกษตรกรรม 254.5 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 486,098 ไร่ ครัวเรือนที่ได้รับผลประโยชน์ 53,810 ครัวเรือน รายได้ต่อครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 90,449 บาท/ปี ความก้าวหน้าของโครงการขณะอยู่ระหว่างการจัดทำคำชี้แจงคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านพัฒนาแหล่งน้ำ และ โครงการสถานีสูบน้ำจากแม่น้ำแควใหญ่ พื้นที่รับประโยชน์ในเขตอำเภอบ่อพลอยและตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี ปริมาณน้ำที่ผันทั้งหมด 27.3 ล้าน ลบ.ม./ปี ผลประโยชน์ประมาณน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค 0.63 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี และบรรเทาความขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตรในพื้นที่ 78,508 ไร่ มีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ 21,659 ครัวเรือน รายได้ต่อครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 19,001.12 บาท/ปี ปี ความก้าวหน้าอยู่ระหว่างการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโดยกรมชลประทาน
นอกจากนี้ในพื้นที่ 5 อำเภอดังกล่าวยังมีแผนงานสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำลำตะเพินบนพร้อมระบบผันน้ำ พื้นที่รับประโยชน์รวม 42,000 ไร่ (อ.หนองปรือ เลาขวัญและ อ.ห้วยกระเจา) โครงการขยายความจุอ่างเก็บน้ำลำอีซู พื้นที่รับประโยชน์ 5,000 ไร่ (อ.บ่อพลอย) โครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำอาคารประกอบคลองท่าล้อ-อู่ทอง พื้นที่รับประโยช์รวม 149,500 ไร่ ซึ่งดำเนินการพัฒนาโครงการมาอย่างต่อเนื่องปัจจุบันสามารถพัฒนาพื้นที่ไปได้แล้ว 35,000 ไร่ (อ.พนมทวนและ อ.ห้วยกระเจา) รวมทั้งโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนแหล่งน้ำผิวดิน โดยแต่โครงการเป็นแผนงานที่เหมาะสมต่อสภาพบริบทของพื้นที่หากดำเนินการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามแผนงาน จะสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งในปีนี้ได้อย่างแน่นอน