“รมช.มนัญญา” ตรวจเยี่ยมสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร จ.พิษณุโลก เน้นย้ำเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผลไม้ สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค พร้อมผลักดันโชว์ศักยภาพเมล็ดพันธุ์แต่ละภาค
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรละสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยรับฟังบรรยายสรุปภารกิจ และเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิเคราะห์สารพิษตกค้าง โดยมี นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายสมบัติ ตงเต๊า รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร นางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 2 หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตรได้ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตร ด้านวิจัย พัฒนาการผลิตพืช รวมถึงทดสอบเทคโนโลยีการเกษตร และการแก้ปัญหาของเกษตรกร งานด้านพัฒนาสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน GAP เกษตรอินทรีย์ และเป็นหน่วยรับรองแหล่งผลิต GAP พืช เกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่เหมาะสม
ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตร โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 มีกลุ่มพัฒนาการตรวจสอบพืชและปัจจัยการผลิต เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ตรวจสารพิษตกค้างในผักและผลไม้เพื่อการรับรองแหล่งผลิตพืช GAP และพืชอินทรีย์ รวมทั้งตรวจเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักและผลไม้จากแหล่งจำหน่ายต่าง ๆ โดยมีหน้าที่รับผิดชอบภาคเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่สุ่มตรวจ ได้แก่ มะม่วง ลำไย พริก ส้มโอ ส้ม หอมแบ่ง มะยงชิด ส้มโอ และ มะเขือ เป็นต้น ห้องปฏิบัติการสามารถตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างได้จำนวน 202 ชนิดสาร ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ซึ่งผลการตรวจสารพิษตกค้างจากแปลง GAP และการตรวจเพื่อเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักและผลไม้จากแหล่งจำหน่ายต่าง ๆ ที่ตรวจพบต้องมีปริมาณการตกค้างไม่เกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย
จากนั้น รมช.เกษตรฯ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชพิษณุโลก พร้อมทั้งเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ ได้การรับรองตามมาตรฐานสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ (International Seed Testing Association; ISTA) เมื่อปี 2560 ที่มีความพร้อมพัฒนาเป็นศูนย์ตรวจรับรองแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์รองรับประชาคมอาเซียน (Seed Hub) และมีแผนแม่บทขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออกเมล็ดพันธุ์ไทย รักษาความเป็นผู้นำต่อยอดความมั่นคงและความยั่งยืนของเมล็ดพันธุ์ไทยในภูมิภาค ตลอดจนเกษตรกรไทยเข้าถึงเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีอย่างเพียงพอ
“เมล็ดพันธุ์เป็นปัจจัยสำคัญของการผลิตพืช เป็นต้นน้ำของการผลิตที่ทำให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดี จึงได้มอบแนวทางการดำเนินงานโดยให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1-8 แสดงศักยภาพของการผลิตเมล็ดพันธ์ุหรือพันธ์ุที่โดดเด่นตามภูมิภาค เนื่องจากเมล็ดพันธ์ุที่ผลิตโดยกรมวิชาการเกษตรเป็นปัจจัยที่สำคัญเพราะเป็นลูกผสมเปิด สามารถเก็บพันธ์ุไว้ขยายพันธ์ุต่อได้ พร้อมทั้งให้ความรู้แก่เกษตรกรในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช” รมช.มนัญญา กล่าว