จากที่ ดร.ภัทร์ หนังสือ  ประธานกรรมการเวชกรโอสถ  ได้ลงพื้นที่ มอบยาสมุนไพร เคอร่า ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ติดโควิด-19  ให้กับหน่วยงานราชการ ,รพ. สนาม และศูนย์พักคอย ตลอดจนชุมชนที่มีผู้ป่วย ในหลายพื้นที่  ส่งผลทำให้ประชาชนที่ได้รับมอบยาไปรับประทาน ต่างหายดีจากอาการป่วย ติดเชื้อ covid-19

วันที่ 17 ก.ย.64  ดร.ภัทร์ หนังสือ  ประธานกรรมการเวชกรโอสถ เดินทางมาที่ศูนย์ประสานงานโครงการ ราม-ไม่ทิ้งกัน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดช่วยเหลือนักศึกษาที่อยู่ระหว่างกักตัว และ นักศึกษาที่ติดโควิด-19 โดย ดร.ภัทร์ ได้นำยาสมุนไพรเคอร่ามามอบให้ศูนย์ประสานงานโครงการ ราม-ไม่ทิ้งกัน  จำนวน 300 กระปุก  โดยมี ตัวแทนนักศึกษาเป็นผู้รับมอบ  ทั้งนี้คุณ นิชนันท์ สุวรรณมณี ตัวแทนนักศึกษาและจิตอาสา ซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ป่วยด้วยอาการติดเขื้อโควิด-19  เมื่อวันที่สิงหาคม64ที่ผ่าน โดยมีอาการเชื้อลงปอด และได้รับประทานยาKERRAเคอร่าจนมีอาการดีขึ้นและได้หายจนเป็นปกติแล้ว และรู้สึกว่ายาสมุนไพรไทยเคอร่านี้น่าจะช่วยคนป่วยอีกมากมายได้อีก  จึงได้ขอมาเป็นอาสาสมัครของ ศูนย์ประสานงานโครงการ”ราม-ไม่ทิ้งกัน” จะนำยาไปมอบให้นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อนำไปใช้รักษาอาการไข้ และใช้ประโยชน์ในการป้องกันและยับยั้งหากเกิดอาการของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19   ขณะที่คุณ นิชนันท์ สุวรรณมณี ตัวแทนนักศึกษา  เคยได้รับมอบยา และนำยาสมุนไพรเคอร่า ไปให้นักศึกษา ม.รามคำแหงที่ป่วย จนหายเป็นปกติ

ดร.ภัทร์ หนังสือ ได้นำยาเคอร่ามามอบครั้งนี้ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือ นักศึกษาในการป้องกันและรักษาไข้  สำหรับนักศึกษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยยาเคอร่าที่นำมาแจกจ่ายจะถูกส่งต่อให้กับผู้ติดเชื้อ มีสรรพคุณแก้ไข้ ตามที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา  ซึ่งตัวยาเคอร่าได้รับการวิจัยจากห้องปฏิบัติการชีวเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่าสามารถยับยั้งเอนไซม์กลไกหลักในการขยายตัวของไวรัส ในเซลล์ได้ดี ซึ่งมากกว่าหรือสูงกว่าฟ้าทะลายโจร 2,200 เท่า และสูงกว่ายาแผนปัจจุบันหลายชนิด ซึ่งยาสมุนไพรเคอร่า ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโควิด-19  อีกทั้งเป็นยาตำรับสมุนไพร ที่มีสมุนไพร 9 ชนิด เป็นส่วนผสมหลัก เดิมชื่อยาครอบไข้ตักศิลา ซึ่งเป็นสูตรยา ตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่ในคัมภีร์แพทย์ศาสตร์ฉบับหลวง พิมพ์ตั้งแต่ปี 2440 ในสมัยรัชกาลที่5  ทางเวชกรโอสถได้นำมาพัฒนา ปรับเปลี่ยนตัวยาให้เหมาะสมกับการจัดหาตัวยาในปัจจุบัน รวมทั้งพัฒนากรรมวิธีการผลิต โดยใช้ความร้อนและความเย็นในการสกัดและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยาให้สูงขึ้น จนมีผลในการยับยั้งไวรัสได้สำเร็จ   อีกทั้ง สามารถกินยาต่อเนื่องได้ โดยที่ไม่ส่งผลข้างเคียงด้วย ซึ่งไม่มีพิษต่อตับและไต ไม่มีพิษต่อร่างกาย

จากที่ทางสื่อมวลชนได้ติดตามข่าวผู้ป่วย COVID-19 จำนวนมาก ที่ได้ทานยาเคอร่าไปทานแล้ว ต่างก็หายเป็นปกติ และจากที่ทาง เวชกรโอสถได้มีการเก็บข้อมูลการใช้ยาเคอร่าในคนไข้หลายพันคน พบว่าไม่มีผลข้างเคียง  ก็ยิ่งทำให้ประชาชนมั่นใจในยาสมุนไพรไทยตำรับโบราณนี้ ยาเคอร่า จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วย และป้องการการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น