มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จับมือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมมือวิจัยพืชสมุนไพรและพืชเสพติด
เพื่อพัฒนาระบบการผลิต และการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
วันที่ 15 กันยายน 2564 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยพืชสมุนไพรและพืชเสพติด ระหว่าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยมี นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ลงนาม ซึ่งพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ จัดในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom meeting พร้อมทั้งเผยแพร่ผ่าน Fan page มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร โดยปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 โอกาสนี้ ผศ.ดร.วัชรพงษ์ อินทรวงศ์ รองอธิการบดีวิทยเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารของทั้งสองหน่วยงาน รวมถึงผู้เข้าร่วมพิธีลงนามออนไลน์ และร่วมลงนามเป็นพยานในบันทึกข้อตกลง พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศุภสิทธิ์ สิทธาพาณิช คณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนางศิริวรรณ ชัยสมบูรณ์พันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร ลงนามเป็นพยาน
การลงนามครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในด้านวิจัยพืชสมุนไพรและพืชเสพติด เพื่อพัฒนาระบบการผลิตและการใช้พืชสมุนไพร และพืชเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษาผู้ป่วย ภายใต้การกำกับดูแลและควบคุมของแพทย์ผู้ได้รับอนุญาตประกอบวิชาชีพ รวมถึงการดำเนินการด้านเภสัชกรรม เกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพืชสมุนไพร และพืชเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการแพทย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพร และพืชเสพติด รวมถึงสารสกัด และผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพร และพืชเสพติดที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อการคิดค้น ผลิต พัฒนาสายพันธุ์ จัดจำแนกสายพันธุ์ ให้ได้วัตถุดิบพืชสมุนไพร และพืชเสพติดคุณภาพดีสำหรับสูตรตำรับยา และวิธีการบำบัดโรคให้มีคุณภาพและความปลอดภัย รองรับความต้องการยารักษาโรคซึ่งมีพืชสมุนไพร และพืชเสพติดเป็นส่วนประกอบ อันจะสร้างความเจริญก้าวหน้าในทางการแพทย์ ส่งเสริมความมั่นคงทางด้านยาของประเทศโดยรวม รวมถึงร่วมป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดด้านยาจากพืชเสพติด
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เล็งเห็นความสำคัญของพืชสมุนไพรและพืชเสพติดที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ และสามารถนำไปพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต เนื่องด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลายของพืชสมุนไพร ทำให้แนวโน้มความต้องการของตลาดโลกนั้นมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น มีการศึกษาที่หลากหลายที่แสดงให้เห็นว่าสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพของผู้บริโภคและผู้ป่วย โดยเฉพาะการรักษาโรคที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน เป็นต้น สำหรับประเทศไทยด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะพืชสมุนไพร ทำให้นำไปสู่การศึกษา และพัฒนาพืชสมุนไพรให้ได้มาซึ่งสารสำคัญ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นยาและการรักษาโรค ดังนั้นสมุนไพรจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งในการนำมาใช้เพื่อพัฒนาทางด้านการแพทย์และเศรษฐกิจของประเทศ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยพืชสมุนไพรและพืชเสพติด เพื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษาผู้ป่วย ส่งเสริมความมั่นคงทางด้านยาและการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศที่ยั่งยืน โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงานร่วมกัน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนาม ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน พ.ศ.2567
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่ออีกว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานระดับประเทศที่มีภารกิจสำคัญในการวิจัยและพัฒนางานด้านสมุนไพรอย่างครบวงจรตั้งแต่การปลูกจนถึงการวิจัยทางคลินิก โดยมีสถาบันวิจัยสมุนไพร เป็นหน่วยงานหลักในการศึกษาวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการด้านสมุนไพร พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับภาครัฐและเอกชน และยังมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย 15 แห่ง เป็นหน่วยงานสนับสนุนและดำเนินงานควบคู่กันไป โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีบทบาทในการพัฒนาพันธุ์พืชสมุนไพรโดยเฉพาะพืชเสพติดอย่างกัญชา มีการใช้เทคโนโลยีทางพันธุกรรมในการจำแนก และพัฒนากัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ร่วมกับเทคนิคที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากนั้นทำการขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชกับกรมวิชาการเกษตร ซึ่งได้แก่กัญชาพันธุ์หางกระรอก หางเสือ ตะนาวศรีก้านขาว และตะนาวศรีก้านแดง เป็นต้น”
ด้าน ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงแนวทางของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า งานวิจัยด้านสมุนไพรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสกลนครมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันและมีต้นแบบผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรหลากหลายชนิด อาทิ ว่านสาวหลง ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น รวมถึงงานวิจัยด้านพืชเสพติด เช่น กัญชา มหาวิทยาลัยมีการดำเนินงานในภาพรวม โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณานโยบาย แนวทางการวิจัย และโครงการวิจัยที่มีการใช้กัญชา และพืชเสพติดอื่นๆ ได้แก่ คณะอนุกรรมการพืชเสพติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะกรรมการนโยบายงานวิจัยด้านกัญชา กัญชง และพืชเสพติดอื่นๆ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน คณะทำงานขับเคลื่อนงานวิจัยด้านกัญชามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน คณะกรรมการดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศพืชสมุนไพรและพืชเสพติดทางการแพทย์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
การลงนามข้อตกลงร่วมมือด้านการวิจัยพืชสมุนไพรและพืชเสพติด ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นความก้าวหน้าในการดำเนินงานอีกขั้น เพื่อการผลิตกัญชาคุณภาพสูง โดยเฉพาะที่วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร ซึ่งถือว่ามีประสบการณ์ในการวิจัยและผลิตกัญชาคุณภาพสูงให้แก่กรมการแพทย์แผนไทยมาแล้ว จึงมีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะร่วมกันพัฒนาบุคลากร และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรของทั้งสองฝ่าย ตลอดจนร่วมมือกันผลิตพืชสมุนไพร และพืชเสพติดเพื่อใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านพืชสมุนไพรและพืชเสพติด อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
เรียบเรียงข่าว โดย ผกามาศ ธนพัฒนพงศ์ / นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ / มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์