ชป.ร่วมขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี

กรมชลประทาน ร่วมขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี มุ่งสร้างความมั่นคงด้านน้ำ

เดินหน้าดำเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

 

วันนี้(10 ก.ย. 64) ที่ห้องประชุม SWOC กรมชลประทาน นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน  และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ผ่านระบบ VDO Conference  โดยมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นประธานการประชุมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และการช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมในเขตจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนร่วมพิจารณาการดำเนินงานโครงการต่างๆ เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ตามข้อสั่งการของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ที่ให้กรมชลประทาน เร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ด้วยการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าอำเภอบางบ่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ พร้อมกับตัดยอดน้ำทางตอนบนและติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายน้ำผ่านคลองต่างๆ อาทิ คลองบางขนาก คลองนครเนื่องเขต คลองประเวศบุรีรมย์ และคลองสำโรง ไปลงแม่น้ำบางปะกงที่ปัจจุบันมีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ก่อนไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยตามลำดับ ช่วยลดปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลหลากลงสู่พื้นที่ตอนล่าง และใช้สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร สถานีสูบน้ำแนวคลองชายทะเล 9 จุด เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้ได้รวมกันไม่น้อยกว่า 20  ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อให้สถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่คลี่คลายโดยเร็วที่สุด

สำหรับโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่มีความพร้อมเสนอขอตั้งงบประมาณปี 2566 ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน 2 โครงการ คือ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็น 1 ในโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  มีแผนการดำเนินงาน 6 ปี (2565-2570) โดยในปี 2565 จะดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านการมีส่วนร่วมและจัดหาที่ดิน และเริ่มก่อสร้างในปี 2566-2568  จากนั้นจะดำเนินการวางระบบส่งน้ำในปี 2568-2570   หากโครงการแล้วเสร็จจะทำให้มีพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นประมาณ 35,000 ไร่ เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในเขตพื้นที่ EEC ได้ประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม./ปี รวมทั้งยังใช้ผลักดันน้ำเค็ม รักษาระบบนิเวศได้ประมาณ 2 ล้าน ลบ.ม./ปี อีกด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ กรมชลประทาน ดำเนินการเร่งรัดจัดหาที่ดิน เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนด พร้อมให้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIMP)อย่างเคร่งครัด

สำหรับโครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 2 จังหวัดระยอง ระยะเวลาการดำเนินงาน 4 ปี (2565-2568) ในปี 2565 จะดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านการมีส่วนร่วมและจัดหาที่ดิน ก่อนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2566-2568 หากโครงการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้ประมาณ 50 ล้าน ลบ.ม./ปี เมื่อรวมกับปริมาณน้ำจากโครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 1 จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำประแสร์ ได้มากถึง 100 ล้าน ลบ.ม./ปี  ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้กรมชลประทาน เร่งรัดออกแบบและจัดหาที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผน พร้อมให้วางแผนบริหารจัดการโครงการเพิ่มปริมาณน้ำและกิจกรรมใช้น้ำจาก อ่างเก็บน้ำประแสร์ ให้เกิดความสมดุล ที่สำคัญให้ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้น้ำในพื้นที่เพื่อลดความขัดแย้งในการสูบน้ำต่อไปในอนาคต  ซึ่งกรมชลประทาน จะวางแผนและเร่งดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

You May Have Missed!

1 Minute
โรงพยาบาล
สำนักอนามัยจัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี 2567 ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
1 Minute
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จัดพิธีทำบุญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงพยาบาล
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ทรู แจกใหญ่ จัดหนัก กับ แคมเปญ “รวยคูณสอง แจกทอง แจกรถ” ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ มอบโชคใหญ่ให้ลูกค้าทรู ดีแทค รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพียงสมัครบริการเสริม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลทันที ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. 68
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน