ดร.ภัทร์ เดินสาย นำผลิตภัณฑ์สมุนไพรเคอร่า (Kerra) มอบเทศบาลนครนนทบุรี เพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ศูนย์พักคอย รพ.สนาม จ.นนทบุรี
วันที่ 16 สิงหาคม 64 นายภัทร์ หนังสือ ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทิร์นเฮิร์บ และเวชกรโอสถผลิตภัณฑ์สมุนไพรเคอร่า (Kerra) พร้อมแพทย์หญิงเกษกมล เปลี่ยนสมัย และทีมงาน ลงพื้นที่นำยาสมุนไพรเคอร่า จำนวน 400 กระปุก มามอบให้กับทาง เทศบาลนครนนทบุรี โดยในวันนี้ นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรี เทศบาลนครนนทบุรี เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการรักษา และดูแลผู้ป่วย ที่รักษาอยู่ที่ รพ.สนาม และศูนย์พักคอย ในพื้นที่ จังหวัดนนทบุรี
สำหรับยาเคอร่าที่นำมามอบให้ ในครั้งนี้เป็นยาตำรับสมุนไพร ที่ใช้สมุนไพรที่เป็นส่วนผสมหลักเก้าชนิด ซึ่งได้สูตรยาตั้งแต่ดั้งเดิมเป็นคัมภีร์ตักศิลา อยู่ในคัมภีร์แพทย์ศาสตร์ฉบับหลวง พิมพ์ตั้งแต่ปี 2440 ในสมัยรัชกาลที่5 โดยได้นำตำรับยา ในแพทย์ศาสตร์ฉบับหลวง ก็คือเดิม ชื่อยาครอบไข้ตักศิลา ในคัมภีร์ตักศิลา ตัวยาครอบไข้ตักศิลานี้ ทางบริษัทฯได้นำมาพัฒนา ปรับเปลี่ยนตัวยาให้เหมาะสมกับการจัดหาตัวยาในปัจจุบัน รวมทั้งพัฒนากรรมวิธีการผลิต โดยใช้ความร้อนและความเย็นในการ สกัดและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยาให้สูงขึ้น จนมีผลในการยับยั้งไวรัสได้สำเร็จ
ทั้งนี้จากผลการวิจัยในห้องทดลองของห้องปฏิบัติการชีวเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนยันถึงผลการวิจัยทดลองชัดเจนว่า ยาสมุนไพรเคอร่า มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์กลไกหลักในการขยายตัวของไวรัส ที่ชื่อ main protease(เมนโปรติเอส) ที่ไวรัสโควิด 19 ใช้ในการขยายตัวเพิ่มจํานวนในร่างกาย ซึ่งมากกว่าหรือสูงกว่าฟ้าทะลายโจร 2,200 เท่า ซึ่งมีประสิทธิภาพการยับยั้งเอนไซม์ main protease ที่สูงกว่าฟ้าทะลายโจร และสูงกว่ายาแผนปัจจุบันหลายชนิด ที่เป็นยาต้านไวรัส ซึ่งที่ผ่านมาโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่ทราบกันว่า สามารถขยายตัวเร็วกว่าสายพันธุ์เบต้า เป็นพันเท่า เป็นการขยายตัวเร็วมากจึงต้องทำการศึกษาวิจัยตัวยามาสกัดกั้นการขยายตัวของไวรัสไม่ให้ขยายตัวในร่างกายเร็วเกินไป จนทำให้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายที่ลุกลามลงปอด จนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ออกซิเจน ซึ่งค่อนข้างเป็นอันตรายและทำให้เกิดการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ยาเคอร่า จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วย และป้องการการสียชีวิตที่เกิดขึ้นและยืนยันว่ายาชนิดดังกล่าวสามารถกินยาต่อเนื่องที่ไม่ส่งผลข้างเคียงด้วย โดยเฉพาะโรคไต ที่มีความกังวลใจเรื่องของการทานยาสมุนไพรด้วย ซึ่งขณะนี้ สามารถผลิตได้กว่าวันละ1แสนกระปุก โดยบางส่วนได้ร่วมบริจาคให้กับศูนย์พักคอยและ รพ.สนามและบางส่วนจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป
“การทานยาสมุนไพรเคอร่า ต้องกัดให้แตกซึ่งยาจะกระจายไปจับในลำคอ ซึ่งจะสกัดเชื้อโรค ที่จะลงสู่ปอดเป็นด่านแรกของการแพร่กระจายของไวรัส โดยบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มีความเสี่ยง ก็สามารถทานเพื่อสกัดการติดเชื้อได้ เพียงวันละ2ครั้ง เช้าและก่อนนอนครั้งละ2เม็ด เพราะไม่รู้จะติดเชื้อเมื่อไหร่ ตอนนี้มีการทดสอบพบว่า คนที่กินยาสามารถยับยั้งการติดเชื้อได้ ค่อนข้างดี ยืนยันว่ากินต่อเนื่องโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆด้วย” นายภัทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การนำยาสมุนไพรมามอบในครั้งนี้ ตนพยายามช่วยเหลือสังคมตามกำลังที่พอจะทำได้และพยายามที่จะช่วยหน่วยงานต่างๆเพื่อที่จะสร้างความปลอดภัยกับผู้ป่วยและพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะคิดว่า ในครอบครัวที่อยู่กันหลายคน แล้วเกิดการสูญเสีย ในอนาคตจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆตามมา จึงได้นำยาบางส่วนไปแจกให้ รพ. สนาม และศูนย์พักคอย หน่วยงานราชการ ตลอดจนชุมชนที่มีผู้ป่วย ตามกำลังที่พอจะทำได้
สำหรับผู้ที่สนใจยาสมุนไพร เคอร่า
สามารถแอดไลน์ : @herbline
https://shop.line.me/@herbline
เข้ามาสั่งซื้อได้โดยตรงที่เดียวเท่านั้น