ผู้ใหญ่บ้านเจี่ยร้องวอนลุงตู่ช่วยด้วย หลังรถบรรทุกทรายอิทธิพลขยี้ถนนในหมู่บ้านพังยับเยิน
ร้องเรียนไปหลายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแต่เรื่องเงียบหายหมด ชาวบ้านเดือดร้อนหนักนานหลายปีแล้ว
เมื่อเวลา 13.2 0 น. วันที่ 1 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนกลางหมู่บ้านเจี่ย ต.ทาม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นายสุพร สมภาวะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านเจี่ย และนายครรชิต สารภาค ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านเจี่ย ได้ร่วมกันตรวจดูสภาพของถนนที่พังเสียหาย ทั้งนี้เนื่องจากว่า ขณะนี้ชาวบ้านเจี่ยกำลังได้รับความเดือดร้อนจากรถบรรทุกพ่วงซึ่งบรรทุกทรายเต็มคันรถวิ่งผ่านไปมาเข้ามาในเขตบ้านเจี่ยเป็นอย่างมาก โดยรถบรรทุกทรายที่บรรทุกหนักมากทำให้ถนนภายในหมู่บ้านที่ก่อนหน้านี้เป็นถนนลาดยางอย่างดีและเป็นถนนลาดยางในหมู่บ้านที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษได้พังเสียหายยับเยิน เนื่องจากว่ารถบรรทุกทรายของผู้มีอิทธิพลวิ่งบรรทุกทรายผ่านเข้ามาในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง โดยรถบรรทุกทรายทุกคันจะบรรทุกทรายหนักมากและวิ่งรถบรรทุกทรายต่อเนื่องกันตลอดเวลา ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 04.00 – 22.00 น. ทุกวัน ช่วงหน้าฝนทำให้ถนนลาดยางกลายเป็นถนนดินโคลน พอช่วงหน้าแล้งรถบรรทุกทรายที่วิ่งผ่านกลางหมู่บ้านจะทำให้มีฝุ่นคลุ้งกระจายเข้าไปในบ้านเรือนของชาวบ้านกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้านตาม 2 ข้างทางที่รถบรรทุกทรายวิ่งผ่านเป็นอย่างมาก ชาวบ้านไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ เนื่องจากว่า เคยร้องเรียนไปยังหลายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายแห่งแล้ว แต่เรื่องเงียบหายไป ช่วงเวลาใดที่จะมีเจ้าหน้าที่มาชั่งน้ำหนักรถ เจ้าของบ่อทรายก็จะให้ถอดพ่วงบรรทุกทรายออกแล้วนำเอารถบรรทุกธรรมดามาให้เจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนักเพื่อให้เห็นว่า รถบรรทุกทรายไม่ได้บรรทุกน้ำหนักเกินแต่อย่างใด เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจชั่งน้ำหนักรถกลับไปแล้ว รถบรรทุกทรายก็จะนำพ่วงมาบรรทุกเช่นเดิม ชาวบ้านได้บรรทุกภาพรถพ่วงที่บรรทุกทรายเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกลับไม่ดำเนินการตามกฎหมายเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นายสุพร สมภาวะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านเจี่ย กล่าวว่า ถนนสายนี้แต่เดิมมีความสวยงามมาก ต่อมาปี 2558 ได้มีรถบรรทุกทรายเป็นรถพ่วง 18 ล้อ และ 20 ล้อ พากันบรรทุกหนักแล้ววิ่งเข้าอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้ถนนทั้งสายพังเสียหายกลายเป็นดินโคลนในหน้าฝนและเป็นถนนเปื้อนฝุ่นในหน้าแล้ง ทำให้ชาวบ้านเจี่ยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งนี้ตามขั้นตอนการขออนุญาตดูดทรายต้องขอเส้นทางวิ่งบรรทุกทรายที่ชัดเจน จะต้องได้รับอนุญาตจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบเสียก่อนว่าได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ นี่คือหลักความจริงและตามข้อเท็จจริงแล้วเขาไปขออนุญาตดูดทรายและขนทรายตอนไหนก็ไม่ทราบ หรือว่าขอให้รถบรรทุกทรายวิ่งไปเส้นทางใดตนเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ทราบ ชาวบ้านอยากรู้ว่าผู้ให้อนุญาตสัมปทานบ่อทรายในครั้งนี้ เขาใช้เส้นทางเส้นใดในการวิ่งบรรทุกทรายซึ่งตนและชาวบ้านเจี่ยทุกคนไม่ได้อนุญาตให้รถบรรทุกทรายวิ่งเส้นทางที่ผ่านกลางหมู่บ้านนี้ จ.อุบลราชธานี อนุญาตให้ทำการดูดทรายได้ แต่ว่าพวกเราชาวบ้าน จ.ศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างหนัก หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีการตรวจสอบขั้นตอนของการขออนุญาตดูดทรายว่าเป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่อย่างไรแล้ว ท่าทรายทุกแห่งที่อยู่บริเวณนี้จะไม่สามารถดูดทรายได้แม้แต่เม็ดเดียว แต่ตนไม่ทราบว่า มีอะไรไปบังตาเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงมองไม่เห็นการกระทำของรถบรรทุกทรายของผู้มีอิทธิพลที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
นายสุพร สมภาวะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านเจี่ย กล่าวต่อไปว่า ถนนสายนี้มีโรงเรียน โรงพยาบาล วัดและบ้านเรือนชาวบ้านอยู่กันหนาแน่นมาก ชาวบ้านทุกคนไม่เห็นด้วยที่จะให้รถบรรทุกทรายวิ่งผ่านถนนสายนี้เพราะว่า ทำให้ถนนพังเสียหาย การสัญจรของชาวบ้านไม่สะดวก เพราะรถพ่วงขนาดใหญ่จะขับเร็วมาก จนหวั่นเกรงว่า อาจจะเกิดอุบัติเหตุกับชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านได้ ถนนสายนี้ซ่อมไปแล้วหลายรอบแต่ว่า ทำไปแล้วก็สิ้นเปลืองงบประมาณของแผ่นดินทำไปเพื่อให้รถบรรทุกทรายวิ่งทำให้ถนนพังอยู่ตลอด ชาวบ้านแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากถนนสายนี้ ตนจึงกราบขอวิงวอนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอได้โปรดตรวจสอบข้อเท็จจริงและกรุณาสั่งการถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาดูแลแก้ไขในเรื่องนี้โดยด่วนด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ผู้มีอำนาจจะต้องสั่งห้ามไม่ให้รถบรรทุกทรายวิ่งเข้ามาภายในหมู่บ้านเจี่ย หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ตนพร้อมด้วยชาวบ้านเจี่ยทุกคนสุดจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว จะทำการปิดหมู่บ้านห้ามรถบรรทุกทรายวิ่งผ่านเข้ามาในหมู่บ้านอย่างเด็ดขาด
ข่าว/ภาพ…… บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ