“มนัญญา “เดินหน้าดันสหกรณ์เป็นแหล่งปลูกสมุนไพรป้อนแพทย์แผนไทย
นำร่องฟ้าทะลายโจร ก่อนตามด้วย ขิง ขมิ้นแก้โควิคระบาด
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าล่าสุด ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์คัดเลือกสหกรณ์เข้าโครงการส่งเสริมปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบผลิตยาสมุนไพร ให้กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้มีความต้องการวัตถุดิบจำนวนมาก แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ จึงผลักดันให้สหกรณ์เข้ามามีบทบาทดารส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรโดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร ซึ่งจะเริ่มนำร่องร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก หากสามารถทำได้ดีผลเป็นที่น่าพอใจ จะขยายไปปลูกสมุนไพรสำคัญตัวอื่น ๆ เพื่อลดการนำเข้าคือขมิ้นและขิง ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและสหกรณ์ที่เข้าโครงการด้วย
“โครงการปลูกฟ้าทะลายโจร เดินหน้าจริงจัง เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นพืชที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์สูง ที่ทางการแพทย์ต้องการขณะนี้พบว่ามี 2 พันธุ์ ซึ่งจะมีการขยายพันธุ์และขยายผลผลิตจึงต้องจับระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นผู้ใช้ให้เป็นคู่ธุรกิจกัน และจะขยายไปยังสมุนไพรตัวอื่น เช่น ขมิ้น ขิง ซึ่งกรมแพทย์แผนไทยจะได้เป็นผู้ชี้ว่า ต้องการสมุนไพรตัวไหน บ้าง เพื่อที่จะได้คุมคุณภาพการผลิตเพราะต้องปลอดสารเคมี เนื่องจากใช้เป็นยา นส .มนัญญากล่าว
อย่างไรก็ตามการจับมือกับกระทรวงสาธารณสุขจะทำให้มีความชัดเจนทั้งด้านการผลิตที่มีคุณภาพและตลาดรองรับโดยคิดว่ามูลค่าตลาดสมุนไทยมหาศาลมาก เพราะเทรนด์ของโลกมาแนวรักษาสุขภาพ และกรณีการระบาดของโควิดครั้งนี้จะเห็นว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีบทบาทที่สำคัญโดยคาดว่าจะเริ่มปลูกได้ประมาณต้นส.ค.นี้เบื้องต้นคาดว่าจะได้กล้าพันธุ์ดีที่กรมวิชาการเกษตรสนับสนุนประมาณ 2 แสนกล้า เพื่อเป็นต้นพันธุ์ให้เกษตรกรที่เข้าโครงการต่อไป
ขณะที่นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมจะเร่งคัดเลือกสหกรณ์ ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการปลูกฟ้าทะลายโจรในสถาบันเกษตรกร 4 แห่ง ภูมิภาคละ 1 แห่ง พื้นที่ดำเนินการ 500 ไร่ เมื่อได้สหกรณ์เป้าหมายแล้วจะมีการส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์นั้นปลูก พื้นที่เป้าหมายเบื้องต้น 500 ไร่ ซึ่งต้นฟ้าทะลายโจรทั้งหมดของสมาชิกจะต้องขายให้สหกรณ์ทั้งหมด เพื่อส่งให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อผลิตเป็นยาสมุนไพร โดย หลังจากได้สหกรณ์ที่เข้าโครงการแล้วจะมีการชี้แจงแนวทางการปลูกฟ้าทะลายโจรให้ได้คุณภาพเพื่อนำไปผลิตยาสมุนไพร ต่อไปซึ่งสมุนไพรที่มีการปลูกต้องปลอดสารเคมี ทั้งหมด โดยสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้กรมจะจัดเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ให้ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 เพื่อใช้ในการตั้งต้นด้วย
/////