“อ.วิชาญ” แจงสภาฯให้  รศ.ดร.ชนินทร์ รักษาการอธิการบดี ให้กรรมการสรรหาชุดใหม่ดำเนินการ ภายใน 2 เดือน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.64 นายวิชาญ ฤทธิธรรม อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ถึงการสรรหาอธิการบดี ม.ราชภัฎสกลนคร ที่มีการสรรหาใหม่นั้น ภายหลังการประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 25 มิย.64 ที่ผ่านมา สภาฯให้ รศ.ดร.ขนินทร์ วสีนนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ทำหน้าที่รักษาการอธิการบดี ซึ่งจะมีการสรรหาอธิการบดีใหม่ ภายใน 2 เดือน และว่าด้วยการได้มาซึ่งอธิการบดีนั้นขอเรียนเพื่อความเข้าใจว่า-เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานภาครัฐ อธิการบดีถือเป็นผู้บริหารองค์กรของรัฐ วิธีการได้มาเรียกว่า ‘การสรรหา’ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆอย่างชัดเจน

กล่าวคร่าวๆคือสภามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯขึ้นมา1ชุดเพื่อดำเนินการให้ได้รายชื่อผู้ที่สมควรเป็นอธิการบดีมาเสนอสู่สภาฯ3 ชื่อ

เริ่มจาก 1.ให้บุคลากรที่สังกัดหน่วยงานต่างๆทั้งคณะ ศูนย์และสำนัก ได้เสนอชื่อผ่านหน่วยงานของตน แล้วหน่วยงานนั้นๆจะเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับการสรรหาฯหน่วยงานละ   2 ชื่อสู่คณะกรรมการสรรหา แล้วยังมีช่องทางให้บุคลากรรวมทั้งนักศึกษาร่วมเสนอชื่อโดยตรงได้อีกด้วย

2.คณะกรรมการสรรหาฯทาบทามผู้ถูกเสนอชื่อและผู้ที่สมัครด้วยตนเอง และจัดเวทีให้ผู้ที่ตอบรับการทาบทามได้แสดงวิสัยทัศน์หลังจากนั้นคณะกรรมการสรรหาฯจะพิจารณาส่งรายชื่อผู้สมควรเป็นอธิการบดีจำนวน3รายชื่อสู่สภามหาวิทยาลัย

3.ผู้ได้รับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภาฯลงมติเลือกเป็นขั้นตอนสุดท้าย

นายวิชาญกล่าวอีกว่า ระบบสรรหาแตกต่างอย่างไรกับระบบเลือกตั้ง?  -ระบบสรรหาให้สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ลงมติตัดสิน แต่ระบบเลือกตั้งให้สมาชิกองค์กรเป็นผู้ตัดสินครับ  พูดง่ายๆว่าสภามหาวิทยาลัยจะตัดสินจากรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาฯส่งขึ้นมา คณะกรรมการสรรหาฯก็ได้ชื่อจากที่หน่วยงานส่งขึ้นมา หน่วยงานก็ได้ชื่อจากที่สมาชิกหน่วยงานร่วมเสนอขึ้นมา ไม่ใช่ว่าคิดจะหยิบชื่อใครมาจากไหนก็ได้  -ไม่ใช่ว่าต้องตัดสินจากเสียงของประชาคมหรือ?  – เสียงประชาคมก็ควรรับฟังด้วยครับ แต่สำหรับองค์กรของปัญญาชนนั้นจะต้องพิจารณาจากเรื่องอื่นๆด้วย เช่น ประวัติการทำงานบริหาร ผลงานที่ผ่านมา วิสัยทัศน์ ภาวะผู้นำ การยอมรับจากสังคมท้องถิ่นเป็นต้นประชาคมก็ต้องเข้าใจกติกาด้วยว่านี่คือระบบสรรหาที่ให้อำนาจตัดสินอยู่ที่สภามหาวิทยาลัยของเรา  -การอ้างการเป็นที่ยอมรับของประชาคมใช้ได้ไหม?  -ก็อ้างได้ระดับหนึ่ง เช่นอ้างกับกองเชียร์หรือสังคมภายนอกทั่วไปเพื่อหาความชอบธรรมซึ่งก็ทำได้  แต่จะเอามาอ้างเพื่อกดดันสภาฯให้เลือกฝ่ายตนไม่ได้เพราะกรรมการสภาฯแต่ละท่านก็มีวุฒิภาวะและอิสระในการตัดสินใจของท่าน ต้องให้เกียรติกันครับ ในองค์กรนี้ถ้าเราให้เกียรติกันเองไม่ได้ก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะให้เกียรติพวกเรา  ถ้าเราอ้างเสียงข้างมากตอนได้เป็นแคนดิเดตแต่ไม่ยอมรับเสียงข้างมากในสภามหาวิทยาลัยก็จะเป็นการเอาแต่ได้เอาแต่ใจ

ตกลงว่าระบบสรรหาไม่ใช่ตัดสินที่คะแนนข้างมาก?  – ตัดสินด้วยเสียงข้างมากในสภาฯครับ ถ้าจะเอาคะแนนหยั่งเสียงมาตัดสินก็จะต้องเปลี่ยนข้อบังคับให้เป็นระบบเลือกตั้งโดยตรงจากบุคลากรในมหาวิทยาลัยสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร? -ก็อย่างที่ทราบๆกัน สภาฯมีมติให้เริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่ให้เสร็จสิ้นภายในสองเดือน

ต่อข้อสอบถามที่ว่า เมื่อเริ่มสรรหาใหม่คราวนี้คาดว่าจะมีปัญหาอะไรไหม? -เชื่อว่าทุกคนรักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ความตื่นตัวที่จะมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางองค์กรก็คงมีมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องดีครับ ส่วนจะมีปัญหาอะไรอีกไหม ก็คงขึ้นอยู่กับว่า  ทุกคนยอมรับและเข้าใจกติกาข้อบังคับวิธีการสรรหาผู้บริหารแค่ไหน จะได้ไม่ถูกปั่นง่ายเกินไป และกลยุทธ์ที่แต่ละฝ่ายจะใช้เพื่อระดมเสียงสนับสนุน จะสมกับเป็นปัญญาชนนักวิชาการไหม ตลอดจน สปิริตของผู้ลงแข่งขันจะมีน้ำใจเคารพกติกาแค่ไหน ผมเองไม่อยากเห็นการให้ร้ายผู้อื่นบนเส้นทางการแข่งขัน สุดท้าย?-พี่น้องSNRUของผม สู้กันให้สุดแล้วหยุดที่สภาฯครับ  นายวิชาญกล่าว

ทีมข่าวภาคสนาม …รายงาน