สุดเจ๋ง“เฉลิมชัย” จับมือ จุฬาฯ เดินหน้าผลิตวัคซีน ลัมปีสกินจากพืช แก้ปัญหาโรคระบาดโค กระบือเป็นโครงการเร่งด่วน
ด้วยซิลิคอนวัลเลย์เกษตรไฮเทค เมืองนวัตกรรมแก่งคอย ตั้งเป้าสร้างรายได้2,500ล้าน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรประกอบด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงประชุมหารือร่วมกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ณ อาคารจามจุรี 4 สำนักงานอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทั้งนี้นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ในการประะชุมหารือร่วมกันในครั้งนี้ได้มีการหารือความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรรมระหว่างกระทรวงเกษตรกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยในการผลิตวัคซีนสัตว์ด้วยเทคโนโลยีโปรตีนพืช(Plant based Protein)ซึ่งเริ่มจากวัคซีนลัมปิสกินซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ในไทยที่แพร่ระบาดในโค-กระบือที่กำลังระบาดอย่างหนักในหลายจังหวัดทั่วประเทศจนต้องนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ
โดยโครงการผลิตวัคซีนจากพืชครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์โดยกรมปศุสัตว์และบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพร้อมดำเนินการทันทีโดยวางเป้าการผลิตเพื่อใข้ในประเทศทดแทนการนำเข้าและขยายสู่การส่งออก นับเป็นประเทศแรกๆของโลกที่ใช้เทคโนโลยีโปรตีนพืชผลิตวัคซีนสัตว์โดยทีมนักวิจัยของไทย
“วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งที่สำคัญต่อการพลิกโฉมหน้าภาคเกษตรกรรมของไทยเมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตกลงจับมือร่วมทำงานกับกระทรวงเกษตรฯ. เพราะการพัฒนาภาคเกษตรในยุคปัจจุบันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำต้องใช้วิทยาการและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้จะมีโครงการความร่วมมืออื่นๆที่สำคัญเช่นโครงการพัฒนาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ,โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตร,โครงการพัฒนาฮาลาล , โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง โครงการการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่(Young Smart farmer ) เป็นต้นรวมทั้งการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ขอฝากไว้เป็นพิเศษโดยมอบหมายให้ที่ปรึกษาอลงกรณ์ พลบุตรในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารAICเป็นผู้ประสานงานกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยจะมีการทำเอ็มโอยู.ภายในสัปดาห์หน้า “ นายเฉลิมชัยกล่าว
ด้าน ศาสตราจารย์ นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยินดีและพร้อมร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเต็มที่ในการต่อยอดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยทันทีโดยเฉพาะการพัฒนาวัคซีนสัตว์จากพืขเป็นโครงการนำร่องโครงการแรกรวมทั้งเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ.ใช้พื้นที่ของสยามสแควร์อินโนเวชั่นดิสตริคท์(Siamsquare Innovation District)ในการนำเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมมาเปิดแสดงและสาธิตต่อยอดการลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC)ทั่วประเทศรวมทั้งการดำเนินโครงการแก่งคอยอินโนเวชั่นดิสตริคท์(Kaengkoi Innovation District (KID)โครงการเกษตรอัจฉริยะ( Smart Farming), โครงการสมาร์ท โอท็อป(Smart OTOP), โครงการดิจิตอลไอทีวัลเลย์(Digital IT Valley),
ขณะที่นายอลงกรณ์กล่าวว่า นอกจากโครงการผลิตวัคซีนจากพืชแล้วยังโครงการความร่วมมือร่วมกัน ภายใต้ชื่อโครงการพัฒนาแก่งคอยอินโนเวชั่นดิสตริคท์หรือเมืองนวัตกรรมแก่งคอยในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีจะร่วมกันพัฒนาคล้ายกับซิลิคอนวัลเลย์(Silicon Valley)ในสหรัฐอเมริกาที่ริเริ่มดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด(Stanford University) ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีสตาร์ทอัพกว่า200บริษัทที่พร้อมต่อยอดการลงทุนสตาร์ทอัพกลุ่มเทคโนโลยีเกษตรและอาหารรวมทั้ง(FoodtechและAgritech Start-Up)โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งเป้าหมายเบื้องต้นจะสร้างคนสร้างงานสร้างรายได้กว่า2,500ล้านบาท