ส่อวุ่น ศูนย์ดำรงธรรมแจ้งมูลนิธิเอกชน เช่าใช้ประโยชน์ในพื้นที่สร้างศาลหลักเมืองประจวบฯ
วันที่ 23 มิถุนายน นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอให้ตรวจสอบมูลนิธิศาลหลักเมืองซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชน ใช้พื้นที่ราชพัสดุก่อสร้างศาลหลักเมืองและสิ่งปลูกสร้าง ริมถนนสละชีพ ด้านข้างศาลากลางจังหวัด ได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ศาลหลักเมืองตั้งอยู่ในที่ดินราชพัสดุ แปลงเลขทะเบียนที่ ปข. 4 ตำบลประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 31 ไร่1 งาน 77 ตารางวา ทำการก่อสร้างศาลหลักเมืองเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2536 เนื้อที่ใช้ประโยชน์ประมาณ 4 ไร่ 1 งาน 48 ตารางวา ประกอบด้วยศาลหลักเมือง อาคารประกอบพิธีและห้องสุขา เดิมพื้นที่ดังกล่าวมีกองร้อยอาสารักษาดินแดนใช้ประโยชน์
จากการรังวัดตรวจอบพบว่ามูลนิธิศาลหลักเมือง ได้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่อาคารประกอบพิธี เพื่อให้บริการดอกไม้ ธูปเทียนประทัดและวัตถุมงคล เนื้อที่ประมาณ 20 ตารางเมตร โดยอาคารดังกล่าวไม่ได้นำส่งขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นมูลนิธิซึ่งเป็นองค์กรเอกชนจะต้องขอใช้ที่ราชพัสดุโดยชำระค่าตอบแทน จากนั้นธนารักษ์พื้นที่มีหนังสือแจ้งให้กองอาสารักษาดินแดนประสานหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้ความยินยอมเกี่ยวกับการขออนุญาตให้เช่าที่ราชพัสดุ และให้มูลนิธิยื่นคำร้องขอเช่าตามระเบียบของทางราชการ นายชาตรี กล่าว
จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การดูแลศาลหลักเมืองเป็นภารกิจตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่น( อปท.) สำหรับการสร้างศาลหลักเมืองของมูลนิธิเอกชนในที่ดินของทางราชการ หากสร้างเสร็จ โดยหลักการควรมอบให้ อปท.ดูแลรักษา ส่วนปัญหาที่ธนารักษ์พื้นที่แจ้งให้องค์กรเอกชนไปยื่นเรื่องขอเช่าใช้ในภายหลัง จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157หรือไม่ต้องรอผลการตรวจสอบต่อไป
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์