“วีระ”เตือนมหาดไทย – อัยการ ระวังเจอ ม.157 หากเข้าข่ายถ่วงคดีลูกจ้างสาวโกง 40 ล้านที่ประจวบฯ
วันที่ 21 มิถุนายน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ( คปต.) โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อดีตพนักงานราชการ สำนักงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของราชการเกือบ 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS อ้างว่านำเงินจากการทุจริตไปเล่นพนันออนไลน์
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังจากเรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 หลังครบกำหนดฝากขัง ทำให้ น.ส.ขนิษฐาได้รับการปล่อยตัว ล่าสุดสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 ยังไม่มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีผลสรุปการสอบสวนข้าราชการระดับสูงหลายรายเพื่อลงโทษทางวินัย
กรรมการตรวจสอบการลงโทษทางวินัยเรื่องนี้ของกระทรวงมหาดไทย ทำไมตรวจสอบช้ามาก หรือว่ากรรมการฯตรวจสอบเสร็จแล้ว แต่มีมือดีมาดองมาดึงมาถ่วงเรื่องเอาไว้ ไม่ยอมส่งผลสอบให้กับพนักงานสอบสวน ทั้งๆที่การทุจริตในครั้งนี้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ความจริงพนักงานอัยการสามารถสรุปสำนวนการสอบสวน แล้วมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลได้เลย เนื่องจากมีพยานหลักฐานเกินพอแล้ว ที่สำคัญคือผู้ต้องหาก็รับสารภาพเองตลอดข้อกล่าวหา
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่พนักงานอัยการจะมาอ้างว่าต้องรอผลสรุปการลงโทษทางวินัยของกระทรวงมหาดไทย มันคนละส่วนคนละประเด็นกันเลย การดำเนินคดีอาญาตำรวจ อัยการ และศาลก็ว่ากันไป ส่วนการลงโทษทางวินัยก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการ นั้นๆเป็นผู้ดำเนินการ อย่ามาโยนความรับผิดชอบกันไปกันมา ทำอย่างนี้คนที่จะได้รับประโยชน์โดยมิชอบคือผู้ต้องหาที่กระทำความผิด แต่ทำให้ราชการ(รัฐ)และประชาชนได้รับความเสียหายเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ทั้งกระทรวงมหาดไทย และพนักงานอัยการ หากยังมีพฤติการณ์ที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการดึงเรื่องถ่วงเรื่อง อาจจะถูกดำเนินคดีตาม ป.อาญา มาตรา 157 ก็ได้นะ
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์