“วราวุธ” มอบกล้า “ตะเคียนทอง” ให้นายกฯ เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมปลูกต้นไม้พร้อมกันทั่วประเทศ

“วราวุธ” มอบกล้า “ตะเคียนทอง” ให้นายกฯ เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมปลูกต้นไม้พร้อมกันทั่วประเทศ

 

วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เดินทางมาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมเข้าพบ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบต้นตะเคียนทองให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ซึ่งทางกรมป่าไม้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้นำกล้าไม้มามอบให้คณะรัฐมนตรีทั้ง 20 กระทรวง จำนวน 36 ต้น อาทิ ต้นสัก,พะยูง,ยางนา,ประดู่ป่า,ตะเคียนทอง และต้นมะค่าโมง

ซึ่งเป็นกล้าไม้จากพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในโครงการพฤกษามหามงคล ได้นำไปปลูกเนื่องในโอกาสวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2564 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการร่วมรณรงค์ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ พร้อมทั้งขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมปลูกต้นไม้ พร้อมทั้งเชิญชวนลงทะเบียนปลูกต้นไม้ในโครงการปลูกป่าเฉลิม พระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ภายใต้ชื่อ “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน” สืบสานสู่ 100 ล้านต้น

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2532 กำหนดให้วันวิสาขบูชา ของทุกปีเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติเพื่อเป็นการสร้างกระตุ้นให้ประชาชน และหน่วยงานทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ และเป็นการปลูกต้นไม้ในใจคน อีกทั้ง ช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และช่วยลดมลภาวะและฝุ่นละอองที่เกิดจากหมอกควัน เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดทำโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและการเสื่อมสภาพของป่า โดยเฉพาะในพื้นที่เขาสูงชันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ให้ครอบคลุมในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน ป่าพรุ และในที่ดินของรัฐประเภท เพื่อเป็นการฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดให้มีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ ในพื้นที่เป้าหมายที่วางไว้ จำนวน 2.68 ล้านไร่ ในระยะเวลา 8 ปี (2563-2570) โดยในปี 2564 กำหนดเป้าหมายจะดำเนินการปลูกป่าให้ได้ 400,000 ไร่ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ที่จะปลูกในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ,ป่าอนุรักษ์,ป่าชุมชน,ป่าชายเลน และป่าพรุ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้,กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

และเนื่องในโอกาสวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2564 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยได้ร่วมกันปลูกต้นไม้และดูแลต้นไม้ที่ปลูกขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศและขอเชิญชวนลงทะเบียนในโครงการและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน” สืบสานสู่ 100 ล้านต้น ที่เว็บไซต์กรมป่าไม้ https://plant.forest.go.th/statistic โดยในขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนและร่วมปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 44,417,749 ต้นนอกจากนี้กรมป่าไม้ ได้จัดเตรียมกล้าไม้พันธุ์ดีไว้แจกจ่ายให้ประชาชนที่สนใจ สามารถไปขอรับได้ที่หน่วยงานเพาะชำกล้าไม้ทั่วประเทศ หรือสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ส่วนผลิตกล้าไม้ โทรศัพท์ 02-561-4292 ต่อ 5551

“การปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปลูกแล้วต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันรักษาให้เค้าเติบโตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่มาช่วยกันปลูกคนละ 1 ต้น ซึ่งมั่นใจว่าแผ่นดินไทยของเราจะกลับมาเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ หมดปัญหาเรื่องภัยแล้ง หมดปัญหาเรื่องน้ำท่วมต่อไปอีกตราบนานเท่านาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเชิญชวนคนไทยช่วยกันปลูกต้นไม้ 1 คน 1 ต้นกล้า เพิ่มผืนป่าให้ชาติไทย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กล่าวในที่สุด

สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
“ทีเส็บ วีซ่า” ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์ไมซ์เหนือระดับ  พร้อมสิทธิประโยชน์-ประสบการณ์สุดพิเศษในไทย ผ่านบัตร “Thailand MICE Visa Prepaid Card” เพียงใบเดียว
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิ่งกาชาดอำเภอแม่สายตั้งโรงครัว เตรียมอาหารและน้ำดื่ม ให้ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน
0 Minutes
สังคม
พบปะสังสรรค์ และพูดคุยหารือเรื่องข้อกฎหมาย 
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
องคมนตรี มอบรางวัล THAILAND MORAL AWARDS 2023 เชิดชูเกียรติ สื่อ บุคคล ชุมชนและองค์กร ที่สร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนของสังคม ย้ำเป็นก้าวสำคัญให้คนไทยตระหนักถึงการทำความดีว่าเป็นสิ่งที่ทำได้จริง และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้เป็นรูปธรรม