รมต.อว.พร้อมด้วย ปลัด.อว.ร่วมยินดีกับ ม.นเรศวรประกาศปิด “NU Hospitel” แห่งที่ 2
เตรียมพร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรและนิสิต
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ณ ห้องประชุม Tele Medicine 2 ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 2 มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดแถลงข่าวผ่านการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom) ในประเด็น “การปิดโรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยนเรศวร แห่งที่ 2 (Hospitel)” โดย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวแสดงความชื่นชมในความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ความทุ่มเท ที่จะช่วยทำให้ประเทศ ทำให้จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง มีที่รองรับผู้ป่วยระยะแรกจากการติดเชื้อ COVID-19 อย่างเพียงพอและได้มาตรฐาน สำหรับการประกาศปิด NU Hospitel ถือว่าเป็นผลสำเร็จที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องเฝ้าระวังเตรียมพร้อมที่จะกลับมาเปิดได้อีกเสมอ นี่ถือเป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 ที่ปิดตัวลง แต่หน้าที่ของ อว. ก็ยังไม่หมด จากนี้ไปมหาวิทยาลัย โรงเรียนแพทย์ คณะพยาบาล หรือคณะสาธารณสุขก็ตาม ก็ต้องช่วยประเทศในเรื่องของการฉีดวัคซีนต่อไป
ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า ในนามของกระทรวงขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง และขอชื่นชมมหาวิทยาลัยนเรศวร และสาธารณสุขของจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้ร่วมกันปิดโรงพยาบาลสนามในวันนี้ เบื้องต้นสถานการณ์การระบาด COVID-19 ในระลอกนี้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทางหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวง อว. ในทุกๆ ภูมิภาคได้ร่วมมือกันในการดำเนินงานโรงพยาบาลสนาม จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศกว่า 51 แห่ง และมีความสามารถที่จะดูแลผู้ติดเชื้อได้พร้อมกันประมาณ 12,000 เตียง ตั้งแต่มีการดำเนินงานมา ทางโรงพยาบาลสนามของ กระทรวง อว. ได้ดูแลผู้ติดเชื้อรวมประมาณ 8,000 ราย และได้ส่งคนไทยที่หายป่วยแล้วกลับบ้านประมาณ 6,000 ราย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ขณะเดียวกันสถานการณ์ในหลาย ๆ พื้นที่ก็ดีขึ้น แต่ขอให้เฝ้าระวังการเกิดเหตุการณ์พลิกผันอยู่เสมอ
ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ศิริเกษม ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า NU Hospitel มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับความร่วมมือจากจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงหอพักนิสิตจำนวน 1 อาคาร สามารถรองรับผู้ป่วยที่อาการดีได้จำนวน 132 เตียง ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่มีผู้ป่วยที่รับการรักษาใน NU Hospitel แห่งนี้แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการฉีดพ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และได้งดการเข้าใช้ 2-3 สัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยสำหรับนิสิตที่จะเข้าพักต่อไป อย่างไรก็ตามหากเกิดการระบาดรุนแรงขึ้นอีก ทางมหาวิทยาลัยก็มีความพร้อมอย่างมากในการเปิดทำการ NU Hospitel ได้ใหม่อีกครั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว
ปิดท้ายการแถลงข่าว ศ.พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนในการสนับสนุนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุข พร้อมทั้งบุคลากรและนิสิตในมหาวิทยาลัยนเรศวร ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในจังหวัดพิษณุโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการเปิดภาคเรียนการศึกษาในเดือนมิถุนายน 2564 มหาวิทยาลัยนเรศวรเล็งเห็นความสำคัญในการดูแลนิสิตและบุคลากรของมหาวิทยาลัยนเรศวร จึงได้มีการประสานขอรับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 จำนวน 32,000 โดส ทั้งนี้หากได้รับวัคซีนดังกล่าวมาตามจำนวน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรมีความพร้อมในการให้บริการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้แก่อาจารย์ บุคลากร และนิสิตภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร และประชาชนในพื้นที่ โดยทางมหาวิทยาลัยได้มีการเตรียมความพร้อมอาคารอุทยานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ เพื่อเป็นสถานที่รองรับการฉีดวัดซีนโควิด-19 ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน ปลอดภัย ในเวลารวดเร็วตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
ธันย์ชนก ทองเพิ่ม ผู้สื่อข่าวพิษณุโลก