ศรีสะเกษ !! ยอดติดเชื้อโควิดยังพุ่ง ผู้ว่าฯออกประกาศงดออกจากเคหะสถานหลัง 5 ทุ่ม ถึงตี 4 สั่งปิดโต๊ะสนุกเกอร์-สวนน้ำ-สระว่ายน้ำ ยกระดับคุมเข้ม
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในวันนี้ จำนวน 11 ราย รวมสะสม จำนวน 220 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว จำนวน 98 ราย คงเหลือยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จำนวน 122 ราย ซึ่งอำเภอที่พบการระบาดมากที่สุด คือ อ.กันทรารมย์ อ.เมืองศรีสะเกษ และอ.กันทรลักษ์ ตามลำดับ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดกลุ่มคสัสเตอร์เกิดขึ้นหลายกลุ่มกระจายไปในหลายพื้นที่อย่างรวดเร็ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งการติดเชื้อได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเพื่อยกระดับการป้องกันและระงับยับยั้งการระบาดของโรค มิให้แพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง และควบคุมสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จ.ศรีสะเกษ จึงได้ออกประกาศคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษ ฉบับที่ 17 โดยเนื้อหาสาระสำคัญระบุว่า ขอความร่วมมือประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษทุกคน งดเดินทางออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันถัดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องประกอบอาชีพหรือมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ พร้อมสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 9-22 พ.ค. นี้ ได้แก่ โต๊ะสนุกเกอร์ และสวนน้ำ สระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสระว่ายน้ำกลางในหมู่บ้านจัดสรร
พร้อมระบุให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดศรีสะเกษ ที่มาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม ให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ และแสดงเอกสารรับรองความจำเป็น/การปฏิบัติหน้าที่/การติดต่อราชการตามหลักเกณฑ์การตรวจคัดกรองการเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยให้กักกันตัวในที่พักอาศัยในบ้านหรือในสถานที่ที่ทางราชการจัดให้ ทุกคน เป็นเวลา 14 วัน โดยกำหนดให้บ้านเป็นที่เอกเทศ ผู้พักอาศัยในบ้านทุกคนต้องป้องกันตนเองตลอดเวลา ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกัน สวมหน้ากาก อนามัยหรือหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลมากกว่า 1 เมตร ทำความสะอาดมือและอุปกรณ์ที่สัมผัสบ่อย ๆ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2548 หรือตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าว/ภาพ…… บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ