สืบสวนตม.1 บุกรวบไนจีเรียหนีหมายจับคดี Romance Scam ได้คาหอพักหรู ย่านลาดพร้าว

สืบสวนตม.1 บุกรวบไนจีเรียหนีหมายจับคดี Romance Scam ได้คาหอพักหรู ย่านลาดพร้าว

 

วันที่ 7 เม.ย.64 เวลา 10.30 น.ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม. ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้

จากการสืบสวนหาข่าว (สายลับ) รายงานว่ามีชาวต่างชาติผิวสีมีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจน่าสงสัยมักเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร เชื่อได้ว่าพักอาศัยอยู่บริเวณหอพักแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 83 ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่แฝงตัวจึงได้สอบถามข้อมูลจากหอพัก ทราบว่ามีชาวต่างชาติผิวสีพักอาศัยอยู่ในหอพักดังกล่าวจริง แต่ไม่ทราบชื่อ จากการสืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์ พบว่าชาวต่างชาติผิวสีดังกล่าวมีการเข้าออกหอพักเป็นเวลามักจะออกไปทำงานเป็นเวลาสายๆ ช่วงเวลาประมาณ 9 โมง–10 โมง อาศัยช่วงเวลาที่คนพักภายในบริเวณนั้นออกไปทำงานหมดแล้วจึงค่อยออกไปทำงาน เวลากลับมาที่พักมักจะกลับมาช่วงกลางคืนตอนที่ประชาชนบริเวณนั้นเข้าพักอาศัยหมดแล้ว

ชาวต่างชาติผิวสีมักจะเดินทางเข้ามาในซอย จะไม่นั่งวินมอเตอร์ไซด์เข้ามาเพื่อจะได้ไม่ให้เป็นที่สังเกตและจดจำของคนบริเวณแถวนั้นและจากการสืบสวนชาวต่างชาติผิวสีดังกล่าวจะไม่ลงมารับประทานอาหารแต่จะให้คนไทยเป็นคนสั่งอาหารผ่านทางแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือมาส่งให้ตน ชุดสืบสวนได้สอบถามกับผู้จัดการหอพักว่าใครเป็นผู้เช่าให้กับชาวต่างชาติผิวสี ทางหอพักทราบเพียงแต่เป็นผู้หญิงคนไทยเป็นคนเช่าให้ จึงได้ตรวจสอบจากใบเสร็จค่าเช่าปรากฏว่าผู้ชำระค่าเช่าเป็นชาวต่างชาติโดยการโอนเงินผ่านตู้ ATM จากตึกจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ ทุกเดือน ชุดสืบสวนจึงไปเฝ้าสังเกตการณ์และสืบสวนหาข่าวที่ตึกจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ จนเป็นที่ทราบแน่ชัดแล้วว่าชาวต่างชาติรายนี้ทำงานอยู่ตึกดังกล่าวจริง

จากนั้นชุดสืบสวนจึงได้กลับไปที่หอพักเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อดูพฤติกรรมการเข้าออกและลักษณะตำหนิรูปพรรณของชาวต่างชาติรายนี้ว่าสวมเสื้อผ้าอย่างไรจนได้ข้อมูลที่แน่ชัด ชุดสืบสวนก็เฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งพบตัวคนต่างด้าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จึงได้นำหนังสือเดินทางมาตรวจสอบกับรถสายตรวจอัจฉริยะ พบว่าคนต่างด้าวชื่อนายเบอร์ทาน (MR.BERTRAND) อายุ 60 ปี สัญชาติไนจีเรีย ได้เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 27 ก.ค.62 และไม่ได้มีการขออยู่ต่อฯกับทางตรวจคนเข้าเมือง จึงเป็นเหตุให้การอนุญาตสิ้นสุด ทำให้ชาวต่างชาติรายนี้อยู่เกินที่กฎหมายกำหนด เป็นจำนวน 551 วัน

ชุดสืบสวนฯ จึงได้เชิญตัวมาที่กองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เพื่อตรวจสอบในระบบ BIOMETRICS ผลปรากฏว่าตรวจพบหมายจับศาลอาญาของไทยในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,ร่วมกันปลอม,ใช้เอกสารปลอม,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน” จากการตรวจสอบข้อมูลก็พบอีกว่าชาวต่างชาติรายนี้ เคยถูกจับในข้อหาเดียวกันนี้มาก่อนและมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งโรแมนซ์สแกม โดยจะหลอกลวงหญิงชาวไทยให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้กับตนเอง โดยมีเหยื่อหลายรายตกเป็นผู้เสียหาย มีมูลค่าความเสียหายถึง 370 ล้านบาท ชุดสืบสวนจึงได้ประสานไปทางกองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน ปอท. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

พ.ต.อ.ยศเอกฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ อัน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th

สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน