“เฉลิมชัย”วาง “4 เป้าหมาย 15 นโยบาย” ขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรเดินหน้าสู่ปีที่ 130
ดันจีดีพีภาคเกษตรสูงขึ้น หวังเพิ่มรายได้ขจัดความยากจนให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงวันนี้ (31 มี.ค. 64) ว่าในวาระครบรอบ 129 ปี แห่งการสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันที่ 1 เมษายนนี้ และกำลังที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 130 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานสู่มิติใหม่ภายใต้เป้าหมายใหม่ ได้แก่1) เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีในประเทศสาขาเกษตรเฉลี่ย 3.8% ต่อปี 2) เพิ่มผลิตภาพการผลิตของภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.2% ต่อปี 3) ลดเกษตรกรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี 4) เพิ่มพื้นที่ชลประทานไม่ต่ำกว่าปีละ 350,000 ไร่
ทั้งนี้ ภายใต้วิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีปัญหาอุปสรรคอย่างมาก จึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์และยุทธศาสตร์บริหารการพัฒนาที่ชัดเจนสามารถปฏิบัติได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จึงได้วางแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรกรรม 5 ยุทธศาสตร์ และ15 นโยบายหลัก เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารสู่เป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต 2. ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 3. ยุทธศาสตร์ “3’s” (Safety-Security-Sustainability- เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน) 4. ยุทธศาสตร์การบริหารเชิงรุกแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะโมเดล “เกษตร-พาณิชย์ทันสมัย” และ 5. ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา
นอกจากนั้น ยังมีการกำหนด 15 นโยบายหลักที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบประกอบด้วย 1. นโยบาย “ตลาดนำการผลิต” เพิ่มช่องทางตลาดให้หลากหลายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ 2. การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก 3. การส่งเสริมสถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ Start up 4. การส่งเสริมเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) 5. การพัฒนาศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) 6. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร 7. การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 8. การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม และแปลงใหญ่ 9. การส่งเสริมศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) 10. การ ประกันภัยพืชผลให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียต่อพืชผล 11. การส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน และสร้างความมั่นคงแก่เกษตรกร 12. การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน 13. การวิจัยและพัฒนา เพื่อตอบสนองการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศไทย บนพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 14. การพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศ Big Data โดยศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ และ 15. การประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งทั้งหมดในเบื้องต้นเป็นแนวทางพัฒนาและปฏิรูปภาคการเกษตรไทยที่จะสร้างความมั่นคงให้เกษตรและคาดว่าจะสามารถขจัดความยากจนให้เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในชื่อ กระทรวงเกษตรพานิชการ มีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ขณะมีบรรดาศักดิ์ที่ “พระยาภาสกรวงศ์ “เป็นเสนาบดีคนแรกจนถึงปีนี้ครบ 129 ปี ที่กระทรวงเกษตรฯ มีหน้าที่เกี่ยวกับการเกษตรกรรม การจัดหาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบชลประทาน ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ส่งเสริมและพัฒนาระบบสหกรณ์ รวมตลอดทั้งกระบวนการผลิตและสินค้าเกษตรกรรม และราชการอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์